
เจ้าคณะตำบลปืนดุ มอบตัวแล้วที่มหาสารคาม สารภาพทำไปเพราะถูกนินทาลับหลัง ถูกพูดจาดูหมิ่นเหยียดหยาม กีดกันไม่ให้รับกิจนิมนต์

กรณีอดีต พระมานพพร สิทธิจันทร์ อายุ 47 ปี ที่อยู่ 18 หมู่ 4 ต.ธาตุ อ.เชียงคาน จ.เลย ผู้ต้องหาซึ่งได้ก่อเหตุยิงพระ 2 รูป ได้รับบาดเจ็บ ที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.2568 เวลาประมาณ 19:45น. แล้วหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.จว.เลย , บก.สส.ภ.4 และ ภ.จว.มหาสารคาม ได้ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบ ในพื้นที่ อ.เมือง จว.มหาสารคาม ล่าสุด เจ้าคณะตำบลปืนดุ มอบตัวแล้วที่มหาสารคาม สารภาพทำไปเพราะถูกนินทาลับหลัง ถูกพูดจาดูหมิ่นเหยียดหยาม กีดกันไม่ให้รับกิจนิมนต์
วันนี้ 6 ส.ค.2568 เวลา 12:00 น. นายมานพพร สิทธิจันทร์ หรือ อดีต พระมานพพร สิทธิจันทร์ อายุ 47 ปี ที่อยู่ 18 หมู่ 4 ต.ธาตุ อ.เชียงคาน จ.เลย ผู้ต้องหาซึ่งได้ก่อเหตุยิงพระ 2 รูป ได้รับบาดเจ็บ ที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.2568 เวลาประมาณ 19:45น. แล้วหลบหนีไป มูลเหตุ เนื่องจากได้มีการปรึกษากันแล้วได้ทะเลาะกันเกี่ยวกับเรื่องการปกครองสงฆ์และกิจนิมนต์ต่างๆในพื้นที่ โดยผู้ก่อเหตุถูก พระ2 รูป ดูถูกเหยียดหยาม เรื่องต่างๆ ทั้งเป็นพระต่างถิ่น จึงตัดสินใจใช้ปืนไทยประดิษฐ์ ยิงใส่พระทั้ง2รูป ได้รับบาดเจ็บ 1 รูป หลบหนีได้1 รูป
หลังจากนั้น ผู้ก่อเหตุจึงขับรถยนต์ ที่น้องชายให้มาใช้ ขับหลบหนี มา พท.จว.มหาสารคาม จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.จว.เลย , บก.สส.ภ.4 และ ภ.จว.มหาสารคาม ได้ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบ ในพื้นที่ อ.เมือง จว.มหาสารคาม ตั้งแต่ เช้าวันที่ 5 ส.ค.68 และเข้ากดดันญาติ จนกระทั่งวันนี้ 6 ส.ค.68 เวลา 12:00 น. จึงตัดสินใจเข้ามอบตัว ส่วนปืนของกลาง ให้การว่าทิ้งระหว่าง ขณะหลบหนี ซึ่งจะได้ยึดรถยนต์คันที่ใช้หลบหนี และติดตามอาวุธปืนของกลางที่ใช้ก่อเหตุต่อไป
เจ้าคณะตำบลปืนดุ มอบตัวแล้วที่มหาสารคาม สารภาพทำไปเพราะถูกนินทาลับหลัง ถูกพูดจาดูหมิ่นเหยียดหยาม กีดกันไม่ให้รับกิจนิมนต์ มาได้ตั้งใจยิง แค่ต้องกาาข่มขู่ วันนี้ ( 6 สิงหาคม 68) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ห้องสืบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองมหาสารคาม พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผู้บังคับการกองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 4 พร้อมด้วย พ.ต.อ.วสันต์ เกศะรักษ์ รอง ผบก.ภ.จว.มหาสารคาม พ.ต.อ.ไกรทอง ชัยสิงห์ ผกก.สภ.เมืองมหาสารคาม พ.ต.ท.กฤษฏา นิติพจน์ รอง ผกก.สืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม ร่วมกันรับมอบตัว พระอธิการมานพ ฐานวีโร เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว เขต 2 อ.เชียงคาน จ.เลย หรือ นายมานพพร สิทธิจันทร์ อายุ 47 ปี
โดยทางญาติได้พาเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ สภ.เมืองมหาสารคาม ภายหลังจากเมื่อวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา อดีตพระมานพ ได้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิง พระมหาโยธิน ได้รับบาดเจ็บ และมีพฤติกรรมส่งข้อความข่มขู่เอาชีวิต พระลูกวัดป่าเทพบัณฑิต ต.เขาแก้ว อ.เชียงคาน จ.เลย โดยสั่งให้ออกจากพื้นที่ไม่อย่างงั้นจะฆ่าทิ้ง ซึ่งหลังจากก่อเหตุ พระมานพ ได้ขับรถยนต์มาสด้า สีดำ หมายเลขทะเบียน กธ 4479 เลย หลบหนีไป ซึ่งอดีตพระมานพ มีภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.มหาสารคาม ทางเจ้าหน้าที่จึงได้เฝ้าติดตาม และลงพื้นที่ที่คาดว่าอดีตพระมานพจะมาหลบซ่อนตัว
กระทั่งน้องชายของอดีตพระมานพ ได้ประสานมายังอดีตดาบตำรวจ ที่อยู่หมู่บ้านเดียวกัน ให้ประสานกับทาง ผกก.สภ.เมืองมหาสารคาม ว่าจะเดินทางมามอบตัวในวันนี้ โดยนายมานพพร หรือ อดีตพระมานพ กล่าวว่า หลังจากหลวงพ่อเจ้าคณะอำเภอ เรียกเจ้าคณะตำบลเข้าประชุมด่วน เนื่องจาก มีนโยบายกวาดล้างกวาดล้างพระเถื่อน ยาเสพติด และเรื่องเงินวัดต่างๆ ที่ทางการได้มีการปราบปราบ เพื่อเรียกศรัทธากลับคืนมาในหมู่คณะสงฆ์ หลังจากเสร็จการประชุมเจ้าคณะตำบลที่วัดป่าศรีภูทอกแล้ว ต่างก็แยกย้ายกลับวัดต่างๆ จนมารวมกันที่วัดพระครูโม ก็ได้มีการสนทนากัน ส่วนท่านโยธินคู่กรณีตนเอง ท่านไม่ข้าร่วมประชุมเพราะท่านติดงาน ก็เลยมาคุยกันฉันกาแฟกัน
โดยเล่ารายละเอียด ว่าประชุมกันเรื่องอะไร ก็ได้ชี้แจงให้ท่านเข้าใจ ซึ่งเมื่อเจอท่านโยธินพอดี โดยความที่ไม่พอใจ ก็เลยขับรถกลับไปกุฏิ ไปหยิบปืนมายิง ซึ่งปืนเป็นปืนไทยประดิษฐ์ ขนาด .38 ส่องลำกล้อง ใส่กระสุนได้ 2 นัด ซึ่งเจตนาไม่ได้กะว่าจะยิง แต่จะยิงขู่ ไม่มีเจตนาจะทำร้าย ให้กลัว ให้ตกใจ ว่าอย่าทำอีก อย่าแกล้งตนอีก ซึ่งตนไม่เคยยิงปืนมาก่อน ตอนนั้นมือก็สั่น ไม่รู้ว่ายิงโดนหรือไม่ ด้วยอารมณ์ที่ยิงตอนนั้นโมโห ซึ่งปืนได้ทิ้งออกหน้าต่างรถ ริมถนนระหว่างกลับบ้าน จากเชียงคาน มาที่มหาสารคาม น่าจะทิ้งปืนบริเวณแถว ๆ อำเภอภูกระดึง ไม่ได้เตรียมปืนไป กลับมาเอาปืนเพื่อจะยิงขู่แต่ไปเจอท่านโยธินเข้าพอดี หลังยิงเสร็จ ก็กลับบ้านที่มหาสารคาม สาเหตุที่ก่อเหตุเพราะตนไม่พอใจที่ ถูกแกล้ง ถูกต่อว่า ถูกนินทาลับหลัง สะสมมานาน ถูกกีดกันไม่ให้รับกิจนิมนต์ ไปพูดกันลับหลังว่า ต่อไปไม่ต้องนิมนต์พระมานพ ซึ่งตนบังเอิญได้ยินตลอด มาเข้าหูตลอดหลายปี มีหลายเรื่องสะสมกัน

โดยอดีตพระมานพ บวชเมื่อปี 61 ก่อนที่พระครูโม จะชักชวนมาจำพรรษา ที่วัดโพนสว่าง เพราะว่าไม่มีพระ พอมาแล้ว ชาวบ้านก็ยอมรับ ก็เลยอยู่มาเรื่อย ๆ เป็นเจ้าอาวาสเมื่อปี 65 เป็นเจ้าคณะตำบลเมื่อปี 67 สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สะสมมาต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 3 ปีที่อยู่เชียงคาน ยืนยันว่าต้องการแค่จะขู่ ให้ตกใจ ให้กลัว ไม่ได้มีเจตนาที่จะให้ถึงชีวิต แต่ตอนนั้นมือมันสั่น ปืนมันสะบัด กะแค่จะยิงขู่ ไม่รู้ว่ายิงไปโดน ส่วนพระอีกรูปก็กะว่าจะยิงขู่เหมือนกัน ถ้าตั้งใจยิงจริง ๆ ก็คงถึงชีวิตไปแล้ว ที่เข้ามามอบตัวก็เพราะว่าสำนึกผิด และไม่อยากให้ยืดเยื้อ
ด้าน นายบวร สิทธิจันทร์ น้องชายอดีตพระมานพพร นายมานพพร กลับมาที่บ้านเมื่อวานนี้ ซึ่งก่อนที่จะเข้ามอบตัว ทางพี่ชายก็บอกว่าอย่างเพิ่ง ขอเวลาสักวันนึง พอวันนี้ก็เลยติดต่อกับเจ้าหน้าที่เพื่อขอเข้ามอบตัว ซึ่งตอนรู้ข่าวก็ตกใจ เพราะเห็นจากข่าวก็รู้ว่าเป็นพี่ชายของตน ซึ่งช่วงหลังเกิดเหตุพี่ชายก็โทรมาหา แต่ไม่ได้บอกว่าจะไปที่ไหน บอกว่ามีเรื่องกัน แต่ไม่บอกว่าทำอะไรมา จนกระทั่งพี่ชายกลับมาตั้งหลักที่บ้าน ว่าจะเอาอย่างไร ซึ่งได้รู้รายละเอียดแล้ว เลยแนะนำว่าเราควรมอบตัวดีกว่า ตอนนี้สบายใจขึ้น เพราะบางเรื่องก็ได้ระบายออกมา เพราะแกไม่ได้ระบายอะไรออกมา ที่ผ่านมาถูกกดดันตลอด ตนดูจากข่าว ชาวบ้านต่างพูดว่า แกเป็นพระที่ดี เป็นพระนักพัฒนา เรื่องที่เกิดขึ้น ลึก ๆ ตนก็ไม่รู้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร โดนกดดันหลายๆอย่าง อาจเป็นเพราะว่าไปอยู่ต่างถิ่นด้วย กลายเป็นคนหัวเดียวกระเทียมลีบ ด.ต.ประชากร นาแก้ว อดีตตำรวจงานกำลังพล ภ.จว.มหาสารคาม กล่าวว่า ได้รับการประสานจากทางญาติของอดีตพระมานพพร ซึ่งตนเองเกษียณอายุราชการมา 4 ปีแล้ว ก็อยู่หมู่บ้านเดียวกัน ตนก็เลยประสาน
ขณะที่ พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผู้บังคับการกองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 4 กล่าวว่า ตั้งแต่วันเกิดเหตุอดีตพระมานพได้ก่อเหตุยิงพระที่อยู่ในพื้นที่ตำบลเดียวกัน 2 รูป ได้รับบาดเจ็บ 1 รูป อีกรูปปลอดภัย ทางเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่สืบสวนทราบว่า อดีตพระมานพ มีญาติพี่น้องอยู่ที่ จ.มหาสารคาม ก็เชื่อว่าทางพระที่ก่อเหตุ จะหลบหนีมาทางหนี จึงได้ทำการประสานมายังชุดสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม ช่วยกันติดตาม กดดัน ประชาสัมพันธ์แจ้งเบาะแสรถยนต์ที่ใช้หลบหนี ประสานที่พัก รีสอร์ทต่าง ๆ ในที่สุดทางญาติก็ได้ติดต่อพาเข้ามอบตัว พร้อมกับรถยนต์ที่ใช้หลบหนี ส่วนอาวุธปืนนั้น ผู้ต้องหาอ้างว่าโยนทิ้งไป ก็ต้องไปติดตามค้นหาอาวุธของกลาง สาเหตุที่ก่อเหตุเกิดจากความขัดแย้งในการทำกิจนิมนต์ของพระ อีกส่วนหนึ่งก็จะเป็นการถูกพูดจาดูหมิ่นเหยียดหยามศักดิ์ศรี ถางถางต่าง ๆ เกิดโมโห บันดาลโทสะ ขับรถจากที่เกิดเหตุ มาเอาปืนที่กุฏิ มายิงพระโยธิน ที่บริเวณใบหู 1 นัด หลังจากนี้ ทาง สภ.เชียงคาน ก็จะมารับตัวผู้ต้องหา และแจ้งข้อหาพยายามฆ่า มีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง
ด้าน พ.ต.อ.ไกรทอง ชัยสิงห์ ผกก.สภ.เมืองมหาสารคาม ว่าจะพาอดีตพระมานพพร เข้ามอบตัว โดยทางเจ้าหน้าที่ก็รับทราบ และพร้อมที่จะอำนวยความสะดวก ให้ความเป็นธรรม ให้ความปลอดภัย ก็เลยพามามอบตัว ซึ่งก็ต้องอาศัยความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ เพราะหากไม่มีการพูดคุยกันก่อน ก็เกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย