ข่าวอัพเดทรายวัน

บุรีรัมย์พ่อแม่ร่ำไห้รับศพลูกสาววัย 19 เหยื่อแก๊งโจ๋เจ้าถิ่นดักยิงขณะนั่งกระบะกลับจากงานเทศกาลกินไก่

พ่อแม่ร่ำไห้แทบขาดใจรับศพลูกสาววัย 19 ชาวนครราชสีมา เหยื่อแก๊งโจ๋เจ้าถิ่นดักหาเรื่องก่อนชักปืนยิงใส่ ขณะนั่งกระบะกลับจากเที่ยวงานเทศกาลกินไก่ที่บุรีรัมย์กับสามีและเพื่อน กระสุนเจาะเหนือคิ้วซ้ายสาหัสก่อนเสียชีวิตที่ รพ. แม่เผยสุดเศร้าลูกเพิ่งแต่งงานได้ปีเดียวอยากไปเที่ยวกับสามีไม่คิดจะมาจบชีวิต วอน ตร.เร่งล่าตัวดำเนินคดี

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 15 มีนาคม 2565 นายสุชาติ กะชักกลาง อายุ 55 ปี และ น.ส.ขวัญจิต ชัยศรี อายุ 54 ปี สองสามีภรรยาชาว อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา ได้เดินทางมารับศพ น.ส.กิตติยา หรือเค้ก อายุ 19 ปี ลูกสาวที่อาคารพักศพ รพ.บุรีรัมย์ หลังจากเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ได้ถูกกลุ่มวัยรุ่นดักยิงรถกระบะ ขณะขับกลับจากเที่ยวงานเทศกาลกินไก่ที่ อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ พร้อมกับสามีและเพื่อนๆ โดยกระสุนที่กลุ่มวัยรุ่นยิงใส่ได้เจาะเข้าบริเวณเหนือคิ้วซ้ายของน้อง ได้รับบาดเจ็บสาหัสเลือดไหลนองรถกระบะ ก่อนจะถูกนำตัวส่ง รพ.หนองกี่ แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาล โดยจุดเกิดเหตุอยู่บริเวณถนนสายหนองกี่-ดอนอะราง ต.หนองกี่ อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์

ซึ่งขณะที่พ่อและแม่มารับศพลูกสาวที่ รพ.ก็ได้จุดธูปเรียกดวงวิญญาณลูกสาวกลับบ้าน โดยทั้งคู่ทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต่างก็ร้องไห้ด้วยความเสียใจ พร้อมทั้งตะโกนเรียกชื่อของลูกสาวเพื่อให้ดวงวิญญาณกลับบ้านด้วยตามความเชื่อ เพื่อนำร่างลูกสาวกลับไปบำเพ็ญที่บ้าน

จากการชันสูตรพลิกศพพบว่า น.ส.กิตติยา หรือน้องเค้ก ถูกกระสุนปืนเจาะเข้าบริเวณเหนือคิ้วซ้ายกระสุนฝังใน ขณะที่จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ก็พบปลอกกระสุนปืนขนาด .380 แบบออโต้ จำนวน 1 นัดตกอยู่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนรถกระบะคันที่ถูกกลุ่มวัยรุ่นดักยิง คือ กระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแม็ก สีดำ ทะเบียน ยข-6289 ชลบุรี บริเวณท้ายกระบะพบรองเท้า 1 คู่ ยังมีคราบเลือดติดอยู่หลังกระบะ

จากการสอบถาม นายธนกฤต ศรีสังข์ อายุ 26 ปี คนขับรถกระบะ เล่าให้ฟังว่า ตนกับเพื่อนรวมทั้งผู้ตายจำนวน 7 คน ได้นั่งรถกระบะคันดังกล่าวมาจากบ้านที่ อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา เพื่อมาเที่ยวงานเทศกาบกินไก่คืนสุดท้าย ที่ อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ ขากลับเวลาประมาณ 24.00 น.ได้แวะกินข้าวต้มที่ร้านชื่อ “อาปา” ถนนสายหนองกี่-ดอนอะราง เขต อ.หนองกี่ หลังกินข้าวต้มเสร็จผู้ตายกับสามีขอไปนั่งท้ายกระบะ บอกว่าจะนั่งรับลม ส่วนตนเป็นคนขับและเพื่อนที่เหลืออีก 4 คนนั่งด้านใน พอขับออกจากร้านข้าวต้มได้ไม่นาน ก็มีวัยรุ่น 5 คน ขับรถจักรยานยนต์มาปาดหน้า บังคับให้จอดแล้วหนึ่งในกลุ่มวัยรุ่น ได้บอกให้ตนลดกระจกลง “ถ้าไม่ลดกูจะยิง” แต่พอตนลดกระจกลง วัยรุ่นคนดังกล่าวก็ชกเข้าที่ปากตน 1 ครั้ง เห็นท่าไม่ดี จึงรีบเร่งเครื่องขับออกไป เพราะไม่อยากจะมีเรื่อง แต่ช่วงจังหวะที่ขับออกไปก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด กระทั่งมารู้ทีหลังว่าน้องเค้ก ที่นั่งอยู่หลังกระบะกับสามี ถูกกระสุนของกลุ่มวัยรุ่นที่ยิงใส่บาดเจ็บสาหัส จึงรีบขับรถพาไปส่ง รพ.หนองกี่ แต่น้องทนพิษบาดแผลไม่ไหว ได้เสียชีวิตที่ รพ. ตนยืนยันว่าไม่เคยรู้จักหรือมีเรื่องกับกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุ เพราะเพิ่งกลับจากทำงานที่จ.ชลบุรี มาได้แค่ 2 วัน จึงเชื่อว่าอาจจะจำคนผิด หรือคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าถิ่นพอเห็นคนจากต่างถิ่นมาเที่ยวก็เลยหาเรื่อง จึงอยากให้ตำรวจเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดี

ด้านนายสุชาติ และ น.ส.ขวัญจิต พ่อและแม่ของน้องเค้ก บอกว่า ลูกสาวเป็นเด็กนิสัยดี พูดง่าย ขยันทำงานบ้านและทำไร่มันช่วยเหลือพ่อแม่ตลอด กระทั่งลูกสาวได้แต่งงานกับคนในหมู่บ้านใกล้กัน ก่อนจะพากันมาอยู่ที่บ้าน ช่วงที่แต่งงานกันได้ประมาณ 1 ปีลูกสาวและลูกเขยก็ไม่ค่อยได้ไปไหน กระทั่งเมื่อคืนเห็นลูกสาวแต่งตัวบอกว่าจะไปเที่ยวงานเทศกาลกินไก่กับสามีและเพื่อนสามี จริงๆ ตนก็ไม่อยากให้ไปเพราะได้ยินข่าวว่ามีวัยรุ่นทะเลาะวิวาทย์ยิงกันทุกปี ก็กลัวจะไปโดนลูกหลงเขา แต่ลูกสาวบอกว่าอยากไปกับสามีตนจึงให้ไปก็ไม่คิดว่าจะมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เสียใจมาก ก็อยากจะถามว่ายิงลูกสาวตนทำไม โหดร้ายมากจิตใจทำด้วยอะไรลูกใครๆ ก็รัก ก็อยากให้ตำรวจเร่งติดตามตัวกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้เร็ว อยากให้ลงโทษตามกฎหมายให้ถึงที่สุด หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองกี่ ก็รู้เบาะแสกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุแล้ว กำลังอยู่ระหว่างการติดตามตัว และขออนุมัติศาลออกหมายจับ