ข่าวอัพเดทรายวัน

ตร.อุดรธานี ล่าคนใจบาปไล่ฟันหลวงตาวัย 60 ดับหลังกุฏิ จำพรรษาที่วัดไม่ถึง 1 เดือน

ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเพ็ญ จังหวัดอุดรธานี เร่งล่าคนร้ายใจบาปไล่ฟันหลวงตาวัย 60 ดับหลังกุฏิ หลังมาจำพรรษาที่วัดยังไม่ถึง 1 เดือน

เมื่อเวลา06.30น.วันที่ 3 เมษายน พ.ต.ท.บุญจันทร์ ไชยชาติ สว.สอบสวน สภ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ได้ รับแจ้ง มีเหตุ พระถูกทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธมีดเสียชีวิตอยู่ภายในบริเวณ วัดแจ้งสว่างวนาราม บ้านดงมะไฟ หมู่9 ต.นาพู่ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี จึงได้รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชลิต ศรีหานู ผกก.สภ.เพ็ญ , พ.ต.ท.ยุทธศิลป์ นามแสง รอง ผกก.สส.สภ.เพ็ญ, พ.ต.ท.ไพฑูรย์ โสนะโชติ รอง ผกก.ป.สภ.เพ็ญ , พ.ต.ต.ภัคพล พลภักดี สว.สส.ฯ นำกำลังตำรวจสืบสวน ตำรวจป้องกันและปราบปราม ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน จ.อุดรธานี แพทย์เวร รพ.เพ็ญ อาสากู้ภัยมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถาน

ในที่เกิดเหตุพบศพ พระสังวาล จักสาน อายุ 60 ปี ชาว ต.หย่วน อ.เชียงคำ จ.พะเยา ตรวจสอบสภาพศพอยู่ในลักษณะนั่งพิงผนังห้องน้ำหลังกุฏิ ตรวจสอบตามร่างกายพบบาดแผลฉกรรจ์ที่ศีรษะด้านหลัง 1 แผล ใบหน้าด้านขวา 1 แผล ต้นขาด้านซ้าย 1แผล และที่เอวขวา 2 แผล คาดถูกถูกอาวุธมีดหรือของมีคมฟัน ตรวจค้นตัวพบ เงินสด 2,360 บาท พระเครื่อง 2 องค์ และสำเนาบัตรประชาชนของพระผู้ตาย 1 ใบ ถัดไปราว 10 เมตร พบกองเลือด จีวรพระเปื้อนเลือด 1 ผืน ของพระผู้ตาย ใกล้กันพบรองเท้าแตะสีดำ 1คู่ โคมไฟแบบสวมศีรษะ 1อัน คาดว่าเป็นของผู้ก่อเหตุทำตกเอาไว้ ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า พระสังวาลฯ เดินทางมาขอจำพรรษาที่วัดแห่งนี้ได้เกือบ 1 เดือน เนื่องจากไม่มีพระจำพรรษาอยู่ที่วัด มีเพียงแม่ชี 1 คน ที่เพิ่งเดินทางมาจำพรรษาอยู่ที่วัดได้ประมาณ 1 สัปดาห์ เช่นกัน
จากการสอบสวนนางรัตนวดี เมืองเลน แม่ชี อายุ 56 ปี ชาว อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ บอกว่า ตนเดินทางมาจาก จ.สุพรรณบุรี เพิ่งมาอยู่ที่วัดนี้ได้เพียง 1 สัปดาห์ ส่วนพระที่มรณภาพเดินทางมาจาก จ.พะเยา มาจำวัดเมื่อวันที่ 9 มีนาคม ที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้พระที่มรณภาพ ติดต่อมาว่าอยากจะมาบูรณะพัฒนาวัดที่ไม่มีพระจำพรรษา จึงแนะนำวัดแห่งนี้ และให้เบอร์ติดต่อผู้ใหญ่บ้านไป จนกระทั่งท่านมาที่วัดแห่งนี้ ตนเองจึงตามมาปฏิบัติธรรมด้วย ก่อนเกิดเหตุช่วงเช้ามืด ระหว่างนั่งปฏิบัติธรรมสวดมนต์อยู่ ได้ยินเสียงดังเอะอะที่กุฏิพระ และมองไปเห็นผู้ชาย 1 คน กำลังวิ่งไล่ทำร้ายพระ และได้ยินเสียงตะโกนไล่หลังว่า มึงไปๆ อย่ามาอยู่ที่นี่ พระท่านก็ตะโกนว่า ช่วยด้วยๆ พอเห็นท่าไม่ดีตนจึงรีบเข้าไปหลบในกุฏิ แต่ยังได้เสียงไล่อยู่ตลอดว่า มึงไปๆ ยังเหลือแม่ชีอีกคนหนึ่ง
”ขณะหลบอยู่ในกฏิก็พยายามโทรศัพท์บอกผู้ใหญ่บ้านให้มาช่วยเหลือ จนกระทั่งผู้ใหญ่บ้านมาถึง จึงได้ออกมาดูเหตุการณ์ และเล่าเรื่องทั้งหมดให้เจ้าหน้าที่ฟัง ตกใจกลัวมาก ไม่นึกว่าจะมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ เกิดมาเพิ่งเคยเจอเรื่องแบบนี้กับตัวเองเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้พระท่านก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับใคร ชาวบ้านที่นี่ก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี และมีชาวบ้านมาทำบุญที่วัดกับพระ ท่านขณะมาจำวัดที่นี่ หลังจากคดีนี้สิ้นสุดแล้ว จะรีบกลับวัดที่ จ. สุพรรณบุรี ทันที คงไม่กล้าจะอยู่ที่วัดแห่งนี้ต่อไปอีกแล้ว

นายนิยม ดอนกวนเจ้า อายุ 55 ปี ผญบ.ม.9 บ้านดงมะไฟ บอกว่า หลังจากเจ้าอาวาสมรณภาพไป ก็มีพระจากที่อื่นมาขอจำพรรษาที่วัดได้ไม่นานก็ไปอยู่ที่อื่น ทำให้ไม่มีพระจำพรรษาอยู่วัด จากนั้นมีชาวบ้านแนะนำหลวงตาว่า วัดแห่งนี้ไม่มีพระจำพรรษาอยู่สักองค์ มาเป็นระยะ 1ปี ท่านก็เลยได้ติดต่อมาพูดคุยกันทางไลน์ พระท่านบอกว่าจะมาพัฒนาบูรณะวัด จึงได้เดินทางมาขอจำพรรษาที่วัด เมื่อวันที่9 มีนาคม ที่ผ่านมา ตั้งแต่ท่านมาอยู่ก็ไม่เคยมีปัญหากับชาวบ้านเลย กระทั่งเช้ามืดวันนี้แม่ชีที่จำพรรษาในวัด โทรมาบอกว่า มีคนเข้าก่อกวนในวัด แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุร้าย จึงขี่รถจักรยานยนต์วนอยู่ในวัด

จากนั้นตนได้ไปสอบถามชาวบ้านบอกว่าได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือบริเวณกุฏิหลวงตา ก็ได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปดู พบพระสังวาลย์ฯได้รับเจ็บถูกทำร้ายอาการสาหัส และขอความช่วยเหลือจากตนเองด้วยความเจ็บปวด ตนก็ได้บอกหลวงตาให้ตั้งสติเอาไว้ เดี๋ยวรถพยาบาลมาช่วย แต่หลวงตาทนพิษบาดแผลไม่ไหวและมรณภาพ ตนกับชาวบ้านรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่มีคนใจร้ายใจบาปเข้ามาไล่ฆ่าพระถึงในวัด”

พ.ต.อ.ชลิต ศรีหานู ผกก.สภ.เพ็ญ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบหลักฐานรองเท้าแตะ และโคมไฟตกอยู่ในที่เกิดเหตุ คาดว่าเป็นของผู้ก่อเหตุที่ลงมือฆ่าพระสังวาลฯ อย่างไรก็ตามขณะนี้ตำรวจสืบสวน สภ.เพ็ญ และตำรวจสืบสวน ภ.จ.อุดรธานี ได้สืบสวนหาข้อมูล ในการติดตามผู้ต้องสงสัยมาสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป