ข่าวอัพเดทรายวัน

ญาติผู้ต้องหาร้องขอความเป็นธรรมหลังโดน ร.ต.อ.ไถเงินเติมน้ำมันรถพาผู้ต้องหาไปส่งฟ้องศาล

ญาติผู้ต้องหา ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมจากนายอำเภอบ้านผือ จ.อุดรธานี หลังโดนตำรวจยศ ร.ต.อ. พนักงานสอบสวน สภ.กลางใหญ่ รีดไถเงินเติมน้ำมันรถส่งผู้ต้องหา “ขับเสพ” ไปส่งฟ้องศาล แถมยังบังคับยืมเงินอ้างนำไปซื้อเบียร์ฝากอัยการ แต่พอไปทวงถามเงินกลับบ่ายเบี่ยง เพิกเฉย แถมยังโดนข่มขู่ซ้ำ จึงมาขอความเป็นธรรม เพราะแค่ประชาชนที่หากินด้วยการรับจ้าง ยังถูกขูดรีด และข่มขู่ หากปล่อยให้อยู่ในพื้นที่เกรงว่าจะได้รับอันตราย

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 29 เมษายน 2565 ที่ว่าการอำเภอบ้านผือ จ.อุดรธานี น.ส.สมภาร อินทนีย์ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่164 หมู่ 8 ต.คำด้วง อ.บ้านผือ น.ส.ดาหวัน นาคูณ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 178 หมู่ 1 ต.คำด้วง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี และ น.ส.บัวเรียน วงษ์ดี อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 176 หมู่ 8 ต.คำด้วง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี มายื่นหนังสือต่อนายวิมล สุรเสน นายอำเภอบ้านผือ เพื่อร้องเรียนตำรวจยศ ร.ต.อ. ตำแหน่งพนักงานสอบสวน สังกัด สภ.กลางใหญ่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ด้วยการรีดไถค่าน้ำมันรถ จากญาติผู้ต้องหา เพื่อนำผู้ต้องหาไปส่งฟ้องศาลจังหวัดอุดรธานี และยืมเงินแล้วไม่จ่ายคืน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา

น.ส.สมภาร เล่าว่า พวกตนทำงานรับจ้างกรีดยาง เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2565 ลูกของพวกตนถูกตำรวจสืบสวน สภ.กลางใหญ่ อ.บ้านผือ จับข้อหา “ขับเสพ ” ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนยศ ร.ต.อ. ดำเนินคดี โดยเช้าวันที่ 12 เมษายน 2565 พนักงานสอบสวนจะนำตัวทั้ง 3 คนส่งฟ้องศาลจังหวัดอุดรธานี ระยะทาง 75 กม. พวกตนในฐานะญาติผู้ต้องหา จึงขอโดยสารรถควบคุมผู้ต้องหาของโรงพักไปด้วย เพราะไม่มีรถยนต์ส่วนตัว ซึ่งตำรวจก็อนุญาต โดยผู้ต้องหาทั้งหมดนั่งอยู่ห้องควบคุมด้านหลัง พวกตนเบาะหลังแค๊ป เมื่อขับมาถึงตัวอำเภอบ้านผือ ร.ต.อ.คนดังกล่าวบอกว่า น้ำมันรถหมด พวกตนต้องช่วยกันเติมน้ำมันคนละ 500 บาท พวกตนนึกว่าตำรวจพูดเล่น จึงถามกลับไปว่า “หลวงไม่มีงบให้เติมน้ำมันเหรอ” แต่ตำรวจก็ไม่ตอบ เมื่อขับรถเข้าปั๊มน้ำมัน ก็ยังสั่งให้พวกตนออกเงินค่าน้ำมันอีก พวกตนจึงช่วยเติมน้ำมันคนละ 100 บาท รวมเป็นเงิน 300 บาท

น.ส.สมภาร เล่าต่อว่า เมื่อขับรถมาถึงตัวเมืองอุดรธานี ร.ต.อ.คนเดิม มาขอยืมเงินพวกตนคนละ 1,000 บาท อ้างว่าจะซื้อเบียร์ไปฝากอัยการ พวกตนมีแค่เงินไปเสียค่าปรับให้ลูก แต่สุดท้ายก็ต้องให้ยืมเพราะว่าตำรวจพาขับรถวนในตัวเมืองอุดรธานี 2 รอบ พวกตนอยากให้เสร็จเรื่องโดยเร็ว ตนเองจึงให้เงินไป 900 บาท น.ส.ดาหวัน 500 บาท และ น.ส.บัวเรียน 500 บาท พอได้เงินก็นำไปซื้อเบียร์ 2 ถาด นำไปสำนักงานอัยการจังหวัดอุดรธานี โดยให้พวกตนรออยู่หน้าสำนักงานอัยการ ส่วนตำรวจขับรถไปด้านหลังนำเบียร์ไปส่ง จากนั้นก็พาไปกินก๋วยเตี๋ยวพวกตนก็ต้องจ่ายอีก เสร็จแล้วจึงขับรถนำผู้ต้องหาไปส่งฟ้องศาลจังหวัดอุดรธานี ซึ่งศาลสั่งปรับคนละ 4,500 บาท ส่วนโทษจำให้รอลงอาญา 1 ปี ในขณะรอเสียค่าปรับ ตำรวจคนดังกล่าวได้อ้างว่าจะไปทำธุระให้พวกตนกลับบ้านเอง ซึ่งก่อนจะเติมน้ำมันให้ก็บอกว่าจะพากลับโรงพักด้วย เท่ากับว่าทิ้งพวกตน

น.ส.สมภาร เล่าต่ออีกว่า พวกตนต้องขอโดยสารรถของญาติผู้ต้องหา ซึ่งอยู่ใกล้กันกลับบ้าน โดยจ่ายค่าน้ำมันคนละ 200 บาท รวมเป็น 600 บาท วันต่อมาพวกตนได้โทรศัพท์ไปทวงเงินที่ตำรวจยืมไปซื้อเบียร์ให้อัยการ ก็บ่ายเบี่ยงบอกว่าไม่ได้อยู่โรงพัก ให้มาเอาหลังสงกรานต์ แต่พอลูกชายไปเอาที่โรงพักก็ไม่ยอมให้ พวกตนจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้เถ้าแก่สวนยางที่พวกตนทำงานด้วยฟัง หลังทราบเรื่องเถ้าแก่ก็โทรไปทวงเงินให้พวกตน ตำรวจก็ยังไม่ยอมคืนเงินให้ และยังโดนข่มขู่อีก พวกตนเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม โดนเจ้าหน้าที่ของรัฐรีดไถ ยืมเงินแล้วไม่จ่ายคืน เมื่อทวงแล้วยังข่มขู่ ซึ่งพวกตนเป็นประชาชนหาเช้ากินค่ำ รับจ้างกว่าจะได้เงินมา ต้องมาถูกขูดรีดจากเจ้าหน้าที่ จึงมาร้องขอความเป็นธรรมจากนายอำเภอ ให้ตรวจสอบพฤติกรรมของตำรวจนายดังกล่าวให้ด้วย เพราะหากไปทำกับคนอื่นก็จะเสียใจเหมือนตน

นายวิมล สุรเสน นายอำเภอบ้านผือ กล่าวว่า ในฐานะหัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมอำเภอบ้านผือ ได้รับเรื่องไว้เพื่อดำเนินการตามข้อเท็จจริง และให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย เพราะชาวบ้านมาร้องเรียนเรื่องไม่ได้รับความเป็นธรรม จากการบริการในหน่วยงาน อ้างว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งผู้ร้องเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย ก็จะขอตรวจสอบก่อน และจะได้เรียกหัวหน้าหน่วยที่ผู้ถูกร้องเรียนสังกัดอยู่มาพูดคุย หาวิธีหาทางออก และแก้ไขปัญหา

พ.ต.อ.ปรัชญา สนิทวงศ์ชัย ผกก.สภ.กลางใหญ่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าว ยังไม่ได้รับหนังสือจากทางอำเภอ หากได้รับหนังสือ ก็จะต้องมีการสืบสวนข้อเท็จจริง หากพบว่าเป็นเรื่องจริง ก็จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน สอบถามข้อเท็จจริงจากบุคคลข้างเคียง และจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย โดยปกติผู้ถูกร้องจะเป็นคนเอาใจใส่งานดี แต่จะทำงานเชื่องช้า ไม่กระตือรือร้น แต่ก็ไม่เคยถูกร้องเรียนในการปฏิบัติหน้าที่