ข่าวอัพเดทรายวัน

จนท.ส่วนเกี่ยวข้องลงพื้นที่บ้านสาวใหญ่วัย 42 โดนหลอกไปทำงานนวดที่ดูไบแต่ถูกบังคับค้าประเวณี

จากกรณี น.ส.อรุณี อินทะโส หรือน้ององุ่น อายุ 22 ปี ชาวบ้านบะยาว หมู่ 12 ต.บะยาว อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี ร่ำไห้หลังทราบข่าวว่า นางอัมพร นันสมบัติ อายุ 42 ปี ผู้เป็นแม่ ถูกนายหน้าหลอกไปทำงานนวดแผนโบราณ ที่เมืองอัลนาห์ดา 2 นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยผิดกฎหมาย เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2565 แต่กลับถูกบังคับให้ขายตัว แม่ไม่ยินยอม จึงถูกยึดพาสปอร์ต และถูกนำไปขังไว้ที่ชั้น 2 ในตึกแห่งหนึ่ง ไม่สามารถหลบหนีออกมาได้ จึงติดต่อมาทางลูกสาวขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยพากลับบ้านที่ประเทศไทยโดยด่วน และยังมีหญิงไทยนับสิบรายถูกกักขังรวมกันอย่างทุกข์ทรมาน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 29 เมษายน 2565 ที่บ้านเลขที่ 46 ม.12 ต.บะยาว อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี นายคณพศ พิมโคตร นอภ.วังสามหมอ , นายธีระชัย แสนแก้ว อดีต รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ , นายพันธุ์ธัช ริตกันโต ปลัด อ.วังสามหมอ , นายแสงชัย เกษโสภา นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบะยาว พร้อมด้วย จนท.สนง.พมจ.อุดรธานี จนท.สนง.จัดหางาน จ.อุดรธานี , จนท.สนง.แรงงาน จ.อุดรธานี , ตำรวจ กก.3 บก.ปคม. และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน

ร่วมกับสอบถามข้อมูลของนางอัมพร นันสมบัติ อายุ 42 ปี จาก น.ส.อรุณี อินทะโส หรือน้ององุ่น อายุ 22 ปี และนางวัง แสนณรงค์ อายุ 68 ปี ลูกสาวและแม่ ที่เชื่อว่านางอัมพรฯ ถูกขบวนการค้ามนุษย์ หลอกไปทำงานนวดแผนไทยที่เมืองอัลนาห์ดา 2 นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยผิดกฎหมาย แต่กลับถูกบังคับให้ค้าประเวณี เพื่อเป็นแนวทางในการระดมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือ นางอัมพรฯ กลับบ้านอย่างเร่งด่วน รวมทั้งหญิงไทยที่ถูกกักขังไว้ในห้องเดียวกันนับ 10 ราย ซึ่งล้วนแต่เป็นชาวอีสานทั้งสิ้น และหลังทุกคนเดินทางกลับถึงประเทศไทย ทางเจ้าหน้าที่ส่วนเกี่ยวข้องจะได้สอบสวนปากคำไว้เป็นหลักฐาน และขยายผลถึงนายหน้าที่ชักชวนไปพร้อมกับหลานสาว ที่ถูกแยกกันหลังเดินทางไปถึงดูไบ

นายคณพศ พิมโคตร นอภ.วังสามหมอ เปิดเผยว่า หลังทราบข้อมูลตั้งแต่เมื่อวานนี้ ได้มอบหมายให้ปลัดอำเภอ ลงพื้นที่มาหาข้อมูล คนที่อาจจะถูกหลอกหลวง ว่าลำดับเหตุการณ์เป็นอย่างไร เพื่อหาแนวทางในการช่วยเหลือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และจะทำอะไรได้บ้าง ในฐานะตนเองเป็นนายอำเภอที่นี่ ในการดูแลบำบัดทุกข์บำรุงสุข ให้ต่อพี่ประชาชน ได้มีการประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาดูแลช่วยเหลือ อันดับแรกต้องช่วยเหลือพาคุณอัมพรฯ กลับมาประเทศไทย โดยปลอดภัยและเร็วที่สุด เพราะยังไม่ทราบว่าคุณอัมพรฯ มีความเป็นอยู่ในตอนนี้เป็นยังไงบ้าง และจะเป็นอันตรายหรือไม่

นอกจากนี้ยังเป็นการให้กำลังใจครอบครัวของคุณอัมพรฯ ในการสร้างขวัญกำลังใจ และความเป็นอยู่ของคนในครอบครัว พร้อมกับกำชับ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และองค์กรปกครองถิ่น มาคอยดูแล หากคุณอัมพรฯ ที่อยู่ดูไบติดต่อมา จะได้รีบติดต่อประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแน่ใจว่าคุณอัมพรฯ ยังสามารถติดต่อได้หรือไม่ ซึ่งตนเองก็ได้รายงานไปยังทางผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เพื่อให้รับทราบเป็นระยะอยู่ตลอดเวลา”

นายธีระชัย แสนแก้ว หรืออีโต้อีสาน อดีต รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บอกว่า ชาวบ้านบะยาวที่โดนหลอกไปที่ดูไบ ถือว่าเป็นลูกหลานของอีโต้อีสาน เมื่อเขาเป็นทุกข์ เราเองต้องรีบประสานหน่วยงานของรัฐ เพราะมีความประสงค์ต้องการนำคนกลับมาก่อน เพราะเขาติดต่อกับลูกสาวมาทางไลน์ บอกว่าเป็นทุกข์มาก เงินก็ไม่มี และถูกยึดพาสปอร์ต ถูกบังคับจับไปรีดค่าไถ่ หากไปทำนวดแผนโบราณ เหมือนปกติที่ทุกคนเขาไปนั้นก็ไม่เป็นไร แต่ไปในลักษณะเป็นเวรเป็นกรรม ถูกบังคับให้ขายตัว ดังนั้นเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และกระทรวงต่างประเทศ ต้องรีบเข้ามาช่วยเหลือกลับบ้านโดยเร็ว

”ไม่ว่าเขาจะไปถูกต้องหรือไม่ถูกต้องก็ตาม ที่สำคัญต้องเอาคนของเรากลับมาให้ด้วยเร็วที่สุด เท่าที่จะทำได้ หากเขากลับมาแล้วรัฐต้องหาอาชีพให้เขาทำด้วย เพราะปัญหาโควิด19 ระบาดมา 2 ปีกว่า ทำให้ทุกคนต้องดิ้นรนกัน เพื่อต้องการอาชีวิตรอดในการไปหางานทำ ที่สำคัญกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ต้องมาพระเอกในเรื่องในการช่วยเหลือดูแล”

นางนลินพรรณ เชียวชัยสกุล นักวิชาการ สนง.แรงงานจังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่า แนวทางในการช่วยเหลือให้รวดเร็วที่สุดมีอยู่ 3 ช่องทาง โดยช่องทางแรกคือสายตรงหรือสายด่วนของตำรวจดูไบ ให้ตัวคนงานหรือคนที่อยู่ที่นั้นทำการกดหมายเลขโทรศัพท์ 999 ซึ่งตำรวจดูไบจะทำการจับสัญญาณมือถือว่าอยู่จุดไหน พอเจ้าที่รับสายแล้วคุณอัมพรฯ ต้องพูด Help Me! Help Me! (ช่วยฉันด้วย) ตำรวจที่นั้นจะเข้าไปช่วยเหลือได้ , ช่องทางที่สอง ให้แอดเฟซบุ๊กสถานกงสุลใหญ่ประเทศไทยที่ดูไบ เข้าไปในอินบล็อก แล้วให้แชร์สถานที่ตั้งที่ตนอาศัยอยู่ หรือพูดคุยเกี่ยวข้องกับสถานที่ , ช่องทางที่สาม ให้แอดไลน์ของสถานกงสุล ซึ่งในวันนี้จะมอบไอดีไลน์และเฟซบุ๊กของสถานกงสุล ผ่านให้ลูกสาวไปยังคุณอัมพรฯ หากไม่สะดวก ก็ให้ลูกสาวทำการพูดคุยแทนได้

”ส่วนช่องทางที่4 ของเราที่มาวันนี้ จะเป็นการรับเรื่องการร้องทุกข์ ก็จะนำเรื่องส่งต่อไป สำนักงานแรงไทยในต่างประเทศ และอีกช่องทางหนึ่งก็คือ สถานกงสุลใหญ่ในดูไบ เบื้องต้นมีการประสานไปแล้วด้วยวาจากับทางสถานกงสุลใหญ่เอาไว้แล้ว ในการเตรียมพร้อมในการช่วยเหลือ ในตอนนี้ต้องใช้สื่อโซเชียลเป็นหลักในการตั้งรับข้อมูลจากเรา ในการช่วยเหลือต้องขึ้นอยู่กับคุณอัมพรฯว่าจะสามารถบอกตำแหน่งที่อยู่ว่าอยู่จุดใด เพราะต้องการนำคนงานทั้งหมดกลับมาให้เร็วที่สุด”

น.ส.อรุณี อินทะโส หรือน้ององุ่น เปิดเผยว่า ตั้งแต่แม่เดินทางไปที่ดูไบ แล้วพ่อมารู้ว่าโดนหลอกไปขายตัว ไม่ได้ไปทำงานเป็นหมอนวดแผนไทยตามที่คาดหวัง ทำให้กลุ้มใจมาก จึงได้ไปบวชพระเพื่อแก้กรรมให้แม่ที่ จ.หนองบัวลำภู มาได้ประมาณ1 สัปดาห์ ซึ่งพรุ่งนี้พ่อก็จะลาสิกขา และหวังว่าแม่จะได้กลับมาโดยเร็วและปลอดภัย เพราะเป็นที่พึ่งทางใจอีกอย่างหนึ่งที่ทางครอบครัวทำได้ในตอนนี้ ส่วนเงินค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปดูไบ จำนวน 4 หมื่นบาท ก็เป็นเงินที่แม่ไปกู้ยืมมา แต่พอไปถึงแม่ต้องเป็นหนี้อีก4 หมื่นบาท ให้กับคนทางนั้น หากแม่ต้องการกลับจะต้องหาเงิน105,000 บาท จ่ายให้กับเขา ทางครอบครัวก็ไม่รู้จะหาเงินมาจากไหน ซึ่งในวันนี้ทั้งวันแม่ยังไม่ติดต่อมาหาเลย ส่วนหลานสาวของแม่ที่ไปด้วยกันก็ถูกแยกไปอยู่คนละที่ และยังไม่สามารถติดต่อได้เหมือนกัน ที่ผ่านมาแม่ติดต่อมาหา แม่จะร้องไห้อยู่ตลอดเวลา เพราะอยากกลับบ้าน แต่รู้สึกดีใจที่มีเจ้าหน้าที่เข้ามาดำเนินการให้การช่วยเหลือแม่กลับมาบ้าน เพราะกลัวว่าแม่จะถูกทำร้าย เนื่องจากแม่ไม่ยอมขายตัว

ส่วนนางวัง แสนณรงค์ แม่ของอัมพรฯ เปิดเผยว่า พอรู้ว่าลูกสาวโดนหลอกไปทำงานแบบนั้น ตนนอนไม่ค่อยหลับ นอนร้องไห้แทบทุกคืน และคิดอะไรไม่ออกเลย ตนทำได้แต่ไปบนบานบอกกล่าวกับแม่ธรณี เจ้าที่เจ้าทางในหมู่บ้าน และดวงวิญญาณปู่ย่าตายาย ญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว ขอให้ช่วยลูกสาวกลับคืนมาบ้านอย่างปลอดภัย และขอให้มีคนเข้าไปช่วยเหลือโดยเร็ว หากลูกสาวได้กลับมาจริงก็จะนำเครื่องเซ่นไหว้ อาหารคาวหวาน 5 สำรับให้กับแม่ธรณีตามที่บนบานเอาไว้