ข่าวอัพเดทรายวัน

ตำรวจภาค 4 รวบหนุ่มขี้คุกวิ่งราวทรัพย์ใน 3 จังหวัด มูลค่ารวมกว่า 1.5 ล้านบาท

ตำรวจ บก.สส.ภ.4 รวบ2 หนุ่มขี้คุกวิ่งราวทรัพย์ ชิงทรัพย์ ใน 3 จังหวัดพื้นที่ภาค 4 รวมมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท รับสารภาพหาเงินมาเลี้ยงชีวิตประจำ วัน-เที่ยวเตร่

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 4 พ.ค. 65 ที่ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 พร้อมด้วย พล.ต.ต.เนติพงศ์ ธาตุทำเล รอง ผบช.ภ.4, พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม ผบก.สส.ภ.4, พล.ต.ต.สรรธาน อินทรจักร์ ผบก.ภ.จว.สกลนคร , พล.ต.ต.พุฒิพงศ์ มุสิกูล ผบก.ภ.จว.หนองคาย, พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี พร้อมเจ้าพนักงานตำรวจ บก.สส.ภ.4 ร่วมกับ ภ.จว.สกลนคร , ภ.จว.หนองคาย และ ภ.จว.อุดรธานี ร่วมกันจับกุม / ดำเนินคดี ผู้ต้องหา 1.นายสุชาติ แจ่มสว่าง อายุ 29 ปี ที่อยู่ 26/3 หมู่ 6 ต. หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ผู้ต้องหาตาม หมายจับศาลจังหวัดสว่างแดนดิน ที่ จ.62/2565 ลง 1 พ.ค.2565 2.นายจิรเมธ กระสินธ์ อายุ 29 ปี อายุ 29 ปี ที่อยู่ 9/9 หมู่ 9 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลจังหวัดสว่างแดนดิน ที่ จ.63/2565 ลง 1 พ.ค.2565 โดยกล่าวหา ผู้ต้องหาทั้งสองคนว่า”ร่วมกันวิ่งราวทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดเพื่อการพาทรัพย์นั้นไป หรือ เพื่อให้พ้นจากการจับกุม”

พร้อมตรวจยึดของกลาง 1.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 110 ไอ สีเทา-น้ำเงิน หมายเลขทะเบียน 7 กส 7262 ซลบุรี จำนวน 1 คัน 2.พระเครื่องหลวงปู่ทวดเลี่ยมทอง จำนวน 1 องค์ 3.พระเครื่องพระครูเทพโลกอุดรเลี่ยมทอง จำนวน 1 องค์ (ตรวจยึดจากนายจิรเมธ กระสินธ์) และ 6.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น เวฟ 125 สีดำ จำนวน 1 คัน (ตรวจยึดจากนายสุชาติ แจ่มสว่าง)

พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 กล่าวว่า พฤติการณ์ในการจับกุมด้วยห้วงเดือน พ.ย.2564 ถึง เดือน มี.ค.2565 ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุกลุ่มคนร้ายก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ ชิงทรัพย์ ในพื้นที่ จ.หนองคาย 8 เหตุ (อ.เมือง,อ.เฝ้าไร่,อ.โพนพิสัย) , จ.อุดรธานี 7 เหตุ ( อ.บ้านดุง อ.สร้างคอม อ.เพ็ญ) และ จ.สกลนคร 1 เหตุ ( อ.สว่างแดนดิน) รวมกว่าจำนวน 16 เหตุ (คดีที่มีผู้เสียหายแจ้งเหตุต่อพนักงานสอบสวนท้องที่เกิดเหตุ) โดยเมื่อกลุ่ม คนร้ายที่ก่อเหตุได้ประทุษร้ายต่อทรัพย์และได้ทรัพย์สินจากผู้เสียหายแล้วก็หลบหนีไป

โดยแผนประทุษกรรมของกลุ่ม คนร้ายดังกล่าวนี้ มีการใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะในการกระทำผิด โดยจะมีการดักรอหรือชุ่มรอเหยื่ออยู่ในที่เกิดเหตุ หรือใกล้ที่เกิดเหตุ และเมื่อพบผู้เสียหายที่มีลักษณะที่พกทรัพย์สินที่มีมูลค่าเป็นจำนวนมากก็จะลงมือก่อเหตุ โดยลงมือก่อเหตุกระชากสร้อยคอทองคำหรือกระเป๋าจากผู้เสียหาย และหากผู้เสียหายมีการขัดขืนก็จะมีการทำร้ายข่มขู่เพื่อชิงเอาทรัพย์

จากนั้นก็ได้หลบหนีไปซึ่งจากการสืบสวนสอบสวนเชื่อว่ากลุ่มที่ก่อเหตุดังกล่าวเป็นกลุ่มแก๊งเดียวกันโดยจากการตรวจทรัพย์ที่สินทั้งหมดที่คนร้ายกลุ่มแก๊งนี้ได้จากการประทุษร้ายจากผู้เสียหายไปทั้งหมดมีดังนี้ คือทองรูปพรรณ (น้ำหนักรวมจำนวน 43 บาท มูลค่า 1.3 ล้านบาท) , พระเครื่องอัดกรอบทองคำจำนวนหลายองค์,โทรศัพท์มือถือ, เงินสด และ ทรัพย์สินอื่นๆ รวมมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท

จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่ากลุ่มคนร้ายนี้ ได้ใช้รถจักรยานยนต์ในการก่อเหตุ คือ รถจักรยานยนต์ และคนร้ายมีลักษณะการแต่งกายที่มิดชิดสวมใส่เสื้อแขนยาวกางเกงขายาว และมีการใส่หมวกกันน็อคแบบเต็มใบเพื่อปิดบังใบหน้าจากการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานแต่ละเหตุที่เกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่ และตรวจสอบประวัติข้อมูลอาชญากรรม พบว่านายจิรเมธ และ นายสุชาติ มีประวัติในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด วิ่งราวทรัพย์ ลักทรัพย์ และ พยายามฆ่า และพ้นโทษมาเมื่อ ก.ย.2564 ต่อมาได้รวบรวมพยานหลักฐานเชื่อเหตุ คือ นายจิรเมธ และ นายสุชาติ ก่อเหตุในพื้นที่ภาค 4 จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานต่อศาลเพื่อขอหมายจับ จนกระทั่งสามารถจับกุม นายจิรเมธ และ นายสุซาติ ขณะหลบหนีอยู่ในพื้นที่ จ.ชลบุรี และสามารถตรวจยึดทรัพย์สินที่นายจิรมธ และนายสุชาติ ได้มาจากการกระทำผิดดังกล่าวข้างต้น จากการสอบถาม นายจิรเมธ และนายสุชาติ ให้การรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุดังกล่าวจริง โดยเมื่อก่อเหตุแล้วก็จะนำทองรูปพรรณที่ได้ไปตระเวนขายในจังหวัดอื่นและนำเงินมาแบ่งกัน และแยกย้ายกันหลบหนี โดยนำเงินที่ได้มาเลี้ยงชีวิตประจำวัน-เที่ยวเตร่ เสพยาเสพติด