ข่าวอัพเดทรายวัน

ชลประทานที่ 6 เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำกลุ่มจังหวัดตอนกลางอย่างเข้มงวด ห่วงร้อยเอ็ด เกิดน้ำท่วมเป็นที่แรก

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 3 มิ.ย. 2565 ที่สำนักงานชลประทานที่ 6 จ.ขอนแก่น นายสมปอง ฉ่ำกระมล ผู้อำนวยการส่วนบริหารจัดการน้ำ สำนักงานชลประทานที่ 6 ขอนแก่น เปิดเผยว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำฝนในพื้นที่รับผิดชอบของ ชป.6 ครอบคลุม 5 จังหวัด ประกอบด้วย ชัยภูมิ, ขอนแก่น, กาฬสินธุ์, มหาสารคาม และ จ.ร้อยเอ็ด โดย มีแม่น้ำสายหลัก คือ แม่น้ำชี และเขื่อนขนาดใหญ่ 3 แห่ง คือ เขื่อนจุฬาภรณ์ เขื่อนลำปาว และเขื่อนอุบลรัตน์ ซึ่งโดยเฉลี่ยทั้ง 3 เขื่อนรองรับน้ำได้ 4,500 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันมีปริมาณมีน้ำประมาณ 1,800 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 40 ของเขื่อนขนาดใหญ่ทั้งหมด ซึ่ง ถือว่าปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ยที่ดี

“สำหรับขอนแก่น ปริมาณน้ำในเขื่อนอุบลรัตน์จะมีปริมาณเฉลี่ยการกักเก็บที่พอดีกับขนาดความจุเขื่อน คือ เฉลี่ยที่ 2,400 ล้าน ลบ.ม. แต่ละปีที่ฝนตกมีน้ำไหลเข้าเขื่อน เฉลี่ยปีละ 2,700 ล้านลูกบาศก์เมตร ทางชลประทานเองจึงต้องมีการบริหารจัดการน้ำให้มีช่องว่างเพียงพอในการจัดเก็บ ไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบ จึงต้องมีการบริหารจัดการน้ำ ทั้งการเก็บและการปล่อยน้ำอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม ปัจจุบันเขื่อนอุบลรัตน์ระบายน้ำวันละ 10 ล้าน ลบ.ม.

ซึ่งในปี 2565 น้ำในเกณฑ์เฉลี่ยจะมากกว่าเกณฑ์ร้อยละ 3 นอกจากนี้จะมีน้ำกักเก็บที่เหลือจากปีที่แล้วในเขื่อน จึงยังคงต้องติดตามสถานการณ์น้ำฝนอย่างใกล้ชิด จังหวัดแรกที่ต้องเตรียมพื้นที่ป้องกันน้ำท่วมคือ อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งอยู่ในพื้นที่ลุ่มน้ำยัง เพราะในปีที่มีปริมาณน้ำมาก มักจะประสบปัญหาน้ำท่วมก่อนพื้นที่อื่น โดยจะรับน้ำจาก จ.กาฬสินธุ์”

นายสมปอง กล่าวต่ออีกว่า สำหรับสาเหตุทำให้น้ำท่วมเป็นพื้นที่แรก มาจากพื้นที่การกักเก็บน้ำมีน้อย สภาพภูมิประเทศมีความลดชัน จึงทำให้กระแสน้ำไหลแรงและเร็ว น้ำจะมาและลงเร็ว ประชาชนในพื้นที่จึงต้องเฝ้าระวังปริมาณน้ำในแต่ละปี นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ 2 ฝั่ง ท้ายเขื่อนลำปาว ,เขื่อนอุบลรัตน์และ ลุ่มน้ำพอง ที่ต้องเฝ้าระวังเช่นกัน อย่างไรก็ดีสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ หรือ สสน. ได้คาดการณ์ปริมาณน้ำฝน พบว่า ลักษณะการกระจายตัวของฝนรายเดือนของประเทศ ในปี 2565 มีความคล้ายคลึงกับปี 2552 ที่จะมีฝนตกเร็ว จากพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นบ่อยครั้ง คาดว่าลักษณะฝนจะเป็นเช่นเดียวกัน คือ ปริมาณฝนรายเดือน 6 เดือนแรก ตั้งแต่ ม.ค.-มิ.ย.มีปริมาณเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในเดือน มี.ค.-พ.ค. จะเริ่มมีฝนมาก ซึ่งเป็นการเกิดฝนก่อนการประกาศฤดูฝนในช่วงสัปดาห์ที่สามของเดือน พ.ค.

” แต่ในช่วง 6 เดือนหลังจากการคาดการณ์พบว่า ตั้งแต่เดือน ส.ค.-พ.ย.นั้น ปริมาณฝนจะน้อยลงกว่าค่าปกติเล็กน้อย ปริมาณน้ำที่จะไหลลงอ่างเก็บน้ำตามฤดูกาลก็จะน้อยลงด้วย นอกจากนี้ยังมีโอกาสเกิดฝนทิ้งช่วงถึง 2 ครั้ง เหมือนกับปี 2564 ในเดือน มิ.ย. และเดือน ส.ค. แสดงให้เห็นถึงความแปรปรวนของสภาพอากาศที่คนไทยอาจจะเจอกันในปีนี้ โดยทางชลประทานจึงแนะนำให้เกษตรกรในพื้นที่นอกเขตชลประทานงดการเพาะปลูกช่วงกลางเดือน มิ.ย. ถึง ก.ค. นี้ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น