ข่าวอัพเดทรายวัน

อธิบดีอัยการภาค 4 มอบเกียรติบัตรให้แก่ผู้ได้รับคัดเลือกเป็นคณะกรรมการการมีส่วนร่วมในการพัฒนาสำนักงานอัยการจังหวัดร้อยเอ็ด

นายปริญเดช ศิริพานิช อธิบดีอัยการภาค 4 เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาสำนักงานอัยการจังหวัดร้อยเอ็ด ครั้งที่1/2565 ซึ่งจัดขึ้น ณ ห้องประชุมสำนักงานอัยการจังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีนายจิตติวัฒน์ คิดวันนา อัยการจังหวัดร้อยเอ็ด นายธีรพล แก้วไวยุทธ อัยการจังหวัดคดีเยาวชนและครอบครัวจังหวัดร้อยเอ็ด นายปกรณ์ เทศทำนุ อัยการคุ้มครองสิทธิ์และช่วยเหลือทางกฏหมายและการบังคับคดีจังหวัดร้อยเอ็ด อัยการประจำกอง คณะกรรมการการมีส่วนของประชาชน ที่ปรึกษาคณะกรรมการการมีส่วนร่วมฯ ในการพัฒนาสำนักงานอัยการจังหวัดร้อยเอ็ด ร่วมประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และวัตถุประสงค์ในการประชุม

นายจิตติวัฒน์ คิดวันนา อัยการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า ด้วยสำนักงานอัยการสูงสุดได้กำหนดวิสัยทัศน์ว่า “องค์กรนำ
ในการใช้กฎหมาย เพื่อรักษาความยุติธรรมให้กับประชาชน
และสังคม”โดยกำหนดให้การ “พัฒนาองค์กรสู่ความเป็นเลิศ”
การสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชน และส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมให้มีความสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ปี พ.ศ.2560-2564

สำนักงานอัยการจังหวัดร้อยเอ็ดเป็นหน่วยงานใต้บังคับบัญชาสำนักงานอัยการสูงสุด ได้จัดทำโครงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนา สำนักงานอัยการจังหวัดร้อยเอ็ด
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565-2566 เพื่อเสริมสร้างสังคมที่เป็น
ธรรมและเป็นสังคมสันติสุข เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนทุกระดับ
มีโอกาสเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอย่างเท่าเทียม เป็นช่องทางในการให้ความสำคัญกับความคิดเห็นและความต้องการของประชาชนเพื่อพัฒนาสำนักงานอัยการจังหวัดร้อยเอ็ด

ดังนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการดังกล่าวสำนักงานอัยการ
จังหวัดร้อยเอ็ด จึงได้มีการแต่งได้คัดเลือกจากผู้สมัครภาคเอกชนที่มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งมีชื่อเสียงอันดีงามและเป็นที่นับถือของประชาชนในชุมชน
ในการพัฒนาสำนักงานอัยการจังหวัดร้อยเอ็ด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565-2566 ขึ้น โดยมีคณะกรรมการ
คณะกรรมการอัยการภาคประชาชน ที่ท่านอธิบดีอัยการภาค 4 ลงนามแต่งตั้งพร้อมมอบเกียรติบัตรและบัตรประจำตัว จำนวน 5 ท่าน ประกอบด้วย
1.นายชานนท์ ลิขิตบัณฑูร
ประธานส่วนผู้แทนภาคประชาชน
2.นายกรวิทย์ บัวพันธ์
3.นายประสานิชัย พรหมบุตร

  1. นายเรืองเดช รัตนโภคาสถิต
  2. นายสุดเขตต์ นาควัชระ
    เป็นผู้แทนภาคประชาชน

ที่ปรึกษาคณะกรรมการอัยการภาคประชาชน ประกอบด้วย
1.อธิบดีอัยการภาค 4 มอบเกียรติบัตรให้แก่ผู้ได้รับคัดเลือกเป็นคณะกรรมการการมีส่วนร่วมในการพัฒนาสำนักงานอัยการจังหวัดร้อยเอ็ดนายสมบัติ พลประถม
ผู้แทนภาคประชาชน ประธานกรรมการที่ปรึกษา

  1. นายปัญญาทิพย์ หมอกขุนทด
  2. นายดำรงค์ แสงสุวอ
  3. นายธนัญชัย แต้สกุล
  4. นายสมคิด โพธิ์งาม
    6.นายสรายุทธ์ ชาติบัญชากร
    7.นางสาวยุภาพร วงศ์สมศรี ผู้แทนภาคประชาชน กรรมการ

นายปริญเดช ศิริพานิช อธิบดีอัยการภาค4 กล่าวในที่ประชุมอีกว่าที่ผ่านมาเราไม่สามารถที่จะระดมคนให้คณะกรรมการและอัยการเพื่อเผยแพร่เรื่องกฎหมายแก่ประชาชนได้เต็มที่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด -19 เมื่อผมเป็นอธิบดีอัยการภาค 4 เห็นว่าลำพังอัยการจังหวัดซึ่งมีหน้าที่อำนวยความยุติธรรม ให้กับชาวบ้าน อาจไม่ทั่วถึง เพราะทำงานด้านกฎหมายในสำนักงานเป็นหลัก พอมีคดีความเข้ามาสู่อัยการ สำนวนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งมาให้ เมื่อดูสำนวนการสอบสวนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพยานที่ตำรวจสอบมาจริงหรือเท็จ ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องอาศัยคณะกรรมการฯในการเป็นหูเป็นตาให้กับอัยการในพื้นที่ เพราะจังหวัดร้อยเอ็ดก็ได้ใหญ่มากนัก มีคดีเกิดขึ้นที่ไหน ใครเป็นใครทุกท่านพอจะรู้ ใครเป็นคนร้ายใครเป็นผู้กระทำผิด ในการอำนวยความยุติธรรมตรงนี้ลำพังฝ่ายอัยการอาจไม่เข้าถึงก็เลยต้องตั้งคณะกรรมการฯขึ้นมามีส่วนร่วมในการให้ความยุติธรรมกับชาวจังหวัดร้อยเอ็ด โดยอัยการจังหวัดเองก็ยินดีที่จะรับฟังข้อมูลข้อคิดเห็นจากคณะกรรมการทุกท่าน เพราะเป็นคนในพื้นที่ เป็นประโยชน์กับชาวบ้าน เพราะบางเรื่องไม่ต้องขึ้นโรงขึ้นศาล หรือก่อนจะขึ้นมันก็มีระบบความยุติธรรม มีขั้นตอนอยู่ ตนเห็นว่าทุกคดีไกล่เกลี่ยได้หมด โดยเฉพาะคดีที่ยอมความกันได้ คดีเล็กๆน้อยๆบางทีชาวบ้านไม่รู้ช่องทางของกฎหมาย รู้อย่างเดียวว่าเมื่อเขาทำผิดจะทำอย่างไรโทษหนักจะได้กลายเป็นเบา อันนี้ต้องอาศัยอัยการ นักกฎหมายที่จะชี้ช่องให้ว่าเมื่อเป็นคดีเป็นสำนวนการสอบสวนขึ้นมาแล้วสมควรที่จะสู้คดีไหม ในขั้นตอนนี้ถ้าเป็นคดีที่ยอมความได้ ทุกเรื่องทางคุ้มครองสิทธิ์ก็จะมีหนังสือแจ้งไปยังฝ่ายผู้เสียหาย และผู้กล่าวหาว่าคุณจะยอมความกันหรือไม่คุยกันก่อนไหม ทางอัยการก็จะชี้ทางให้ หรือแม้คดีที่ยังไม่ถึงตำรวจ อัยการท่านก็มีความสามารถเจรจาในระดับพื้นที่ได้

แผนยุทธศาสตร์ของสำนักงานอัยการสูงสุดซึ่งกำหนดวิสัยทัศน์ของอัยการในฐานะเป็นองค์กรนำการใช้กฎหมาย เพื่อรักษาความยุติธรรมให้กับประชาชนและสังคมเพื่อให้สอดคล้องกับหลักธรรมาภิบาลในการบริหารงานของภาครัฐสมัยใหม่ซึ่งมุ่งเน้นรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการขับเคลื่อนวาระในการขับเคลื่อนภารกิจของอัยการเป็นเหตุผลในการแต่งตั้งคณะกรรมการภาคประชาชนทั้งนี้การมีส่วนร่วมภาคประชาชนเป็นช่องทางสำคัญยิ่งที่จะช่วยในการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบและเข้าใจ บทบาทหน้าที่ของอัยการ วิธีการติดต่อราชการ เวลาติดต่อกับอัยการไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ต้องหา เป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนทางกฎหมายก็สามารถติดต่อกับอัยการได้ในการอำนวยความยุติธรรมนอกจากว่าจะสั่งสำนวนการสอบสวนที่รับมาจากโรงพักที่ถูกตำรวจจับมาเป็นผู้ต้องหามาส่งอัยการ ไม่ใช่ว่าอัยการจะสั่งฟ้องทุกคดีนะครับ เมื่อรับสำนวนมาเรามีหน้าที่พิจารณาว่าตำรวจนั้นทำสำนวนการสอบสวนต้องหรือไม่ด้วย

การมอบเกียรติบัตร บัตรประจำตัว วันนี้ เราจะเห็นโลโก้ OAG สีส้ม ของสำนักงานอัยการสูงสุด(office of the attorney general) ซึ่งสำนักงานอัยการสูงสุดได้สร้างแบรนด์ขึ้นมาไม่ใช่แบรนด์สินค้าหรือโลโก้เครื่องหมายการค้า แต่เป็นแบรนด์แห่งคุณภาพ แบรนด์แห่งความยุติธรรม แบรนด์แห่งความเสมอภาค เมื่อประชาชนเดือดร้อนให้นึกถึงโลโก้นี้ เป็นแบรนด์แห่งความยุติธรรม ความสามัคคี นักกฎหมายที่พึ่งของประชาชน ให้แบรนด์ OAG สีส้มตัวนี้เป็นจุดขาย และอัยการไม่ใช่มีหน้าที่ฟ้องคนเข้าคุกอย่างเดียว อัยการยังมีหน้าที่นำคนออกจากคุก ปล่อยคนบริสุทธิ์ ให้คำปรึกษา ปัญหาสำหรับชาวบ้านให้ความยุติธรรมสำหรับประชาชน การแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าวจะได้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่อำนวยความยุติธรรมร่วมกับอัยการ เราก็คงมีโจทย์ร่วมกันคือ สร้างแบรนด์ OAG เพื่อสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อท่านเองในการที่จะเป็นที่ยอมรับของประชาชนทั่วไป สร้างความเชื่อถือ สร้างความเชื่อมั่น อัยการจังหวัดร้อยเอ็ดมีความอบอุ่นใจที่ได้รับความกรุณาจากทุกท่านซึ่งตัดสินใจที่จะมามีส่วนร่วมในการสร้างความยุติธรรม อำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชนชาวร้อยเอ็ดให้ได้รับความเป็นธรรมทุกคน บางสิ่งบางอย่างแม้ความยุติธรรมอาจจะไม่เป็นที่ประทับใจหรือพอใจระดับหนึ่ง แต่เราก็มีความสามารถที่จะทำให้เขามีความสุขในการดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไร้กังวล เกี่ยวกับเรื่องกฎหมาย หรือด้านกฎหมาย
เราจะมาร่วมกันธำรงความยุติธรรมเพื่อความสงบสุขของชาวจังหวัดร้อยเอ็ดต่อไป