ข่าวอัพเดทรายวัน

ปลดล็อกสายเขียวกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเตรียมรวมตัวตั้งเป็นสหกรณ์มีเป้าหมายปลูกกัญชากัญชงกระจายทั่วจังหวัดเลย กว่า 1.5 ล้านต้น

เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันแรกของการปลดล็อกให้ปลูกกัญชา กัญชง เสรีทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป โดยทุกส่วนกัญชา กัญชงไม่เป็นยาเสพติด ยกเว้นสารสกัดที่มีสาร THC เกิน 0.2 เปอร์เซ็นต์ ผู้ที่ต้องการปลูก สามารถปลูกได้โดยไม่ต้องขออนุญาต แต่จะต้องมีการจดแจ้งผ่านแอปพลิเคชัน หรือเว็บไซด์ ปลูกกัญชา กัญชง โดยมีวัตถุประสงค์ของการปลูก 1.เพื่อใช้ดูแลสุขภาพ 2.เพื่อใช้ดูแลผู้ป่วยทางการแพทย์แผนไทย และการแพทย์พื้นบ้าน 3.เพื่อใช้ในเชิงพาณิชย์ ส่วนการนำเข้าเมล็ดพันธุ์กัญชา ต้องขออนุญาตที่กลุ่มควบคุมเมล็ดพันธุ์พืช สำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ การสกัด การผลิตสารสกัดจากทุกส่วนของพืชกัญชากัญชง(ยกเว้นเมล็ด) ต้องขออนุญาตผลิตตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติด และการขออนุญาตผลิต ผลิตภัณฑ์ยา สมุนไพร อาหารและเครื่องสำอาง ที่มีกัญชากัญชงเป็นส่วนประกอบ ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยผลิตภัณฑ์สุขภาพนั้นๆ ปรากฏว่าได้รับการจากประชาชนทั่วประเทศ สนใจมาลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน หรือเว็บไซด์ ปลูกกัญชา กัญชง เป็นจำนวนมาก

ส่วนทางด้านจังหวัดเลยมีความคึกคักเช่นเดียวกัน กลุ่มผู้ปลูกกัญชา กัญชง มีอยู่จำนวน 6 กลุ่ม รวมตัวกันเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนต่าง ๆ ที่กระจายอยู่ทั่วทั้งจังหวัดเลย โดยหลังจากที่มีการปลดล็อกกัญชา กัญชง ให้มีการปลูกได้อย่างเสรีมากขึ้น ทางกลุ่มวิสาหกิจชุมชนต่าง ๆ จะได้รวมกลุ่มกันเพื่อจัดตั้งเป็นสหกรณ์ โดยมีเป้าหมายให้มีการปลูกในพื้นที่ทั้ง 14 อำเภอของจังหวัดเลย อำเภอละ 1 แสนต้น ซึ่งเฉพาะในพื้นที่อำเภอเมืองเลย จะมีเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2 แสนต้น รวมทั้งหมด 1.5 ล้านต้น เพราะในอนาคตจะต้องไปต่อสู้กับกลุ่มทุนใหญ่ สำหรับราคาของส่วนต่างของกัญชาใบสด ราคากิโลกรัมละ 15,000 บาท ใบแห้ง ราคากิโลกรัมละ 25,000 บาท รากแห้ง ราคากิโลกรัมละ 15,000 บาท และกิ่งก้าน ราคากิโลกรัมละ 1,500 บาท

พ.อ.กาจพสุ เพชรสงคราม ประธานกลุ่มวิสาหกิจ เพื่อการพัฒนาเกษตรกร พัฒนาธุรกิจภาคเอกชน จังหวัดเลย กล่าวว่า กลุ่มวิสาหกิจชุมชน ได้ตั้งอยู่ที่บ้านเลขที่ 301 หมู่ 11 ถนนเลย – เชียงคาน บ้านศรีสองรัก ตำบลศรีสองรัก อำเภอเมืองเลย จังหวัดเลย มีสมาชิกอยู่ในกลุ่ม จำนวน 45 คน ได้เริ่มปลูกกัญชา มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2563 โดยปลูกกัญชา พันธุ์หางกระรอกภูพาน จากศูนย์วิจัยและพัฒนา กรมแพทย์แผนไทย กระทรวงสาธารณสุข เป็นลักษณะโรงเรือนปิด นอกจากนี้ยังมีกลุ่มวิสาหกิจชุมชนต่างๆ ปลูกกัญชา กัญชง ที่กระจายอยู่ในหลายอำเภอของจังหวัดเลยอีก 5 กลุ่ม รวมเป็นทั้งหมด 6 กลุ่ม เมื่อมีการปลดล็อกให้มีการปลูกเสรี ไม่จำกัดต้น จึงได้มีแนวคิดเพื่อจัดตั้งในรูปแบบสหกรณ์ ให้มีอำนาจในการต่อรองกับกลุ่มทุนใหญ่ที่จะมีการปลูกกัญชา กัญชง ในอนาคต ซึ่งได้มีการประชุมคณะกรรมการที่จะจัดตั้งเป็นสหกรณ์แล้ว โดยมีเป้าหมายจะดำเนินการปลูกให้ทั่วทั้ง 14 อำเภอของจังหวัดเลย จำนวน 1.5 ล้านต้น

พ.อ.กาจพสุ เพชรสงคราม ประธานกลุ่มวิสาหกิจ เพื่อการพัฒนาเกษตรกร พัฒนาธุรกิจภาคเอกชน จังหวัดเลย กล่าวอีกว่า ถึงแม้ว่าจะปลดล็อกการปลูกเสรีก็จริง แต่ก็มีกฎหมายลูกมารองรับเอาไว้อยู่แล้ว เพราะยังมีผลกระทบต่อสังคมอยู่ในบางเรื่อง เช่น นำไปใช้ในทางที่ผิดวัตถุประสงค์ ไปใช้ในการมอมเมาเยาวชน เป็นต้น ซึ่งการปลูกในโรงเรือนปิดจะดีกว่า จะมีมาตรการควบคุม ทั้งกล้องวงจรปิด เครื่องสแกนนิ้วมือ และมีรั้วรอบอย่างแน่นหนา เป็นต้น เป็นการลงทุนที่สูงนิดหนึ่ง ส่วนการปลูกในที่โล่งแจ้งลงทุนน้อยก็จริง แต่มีความเสี่ยงความเสียหายจากภัยธรรมชาติ เช่น อากาศที่แปรปรวน ศัตรูพืช ต่าง ๆ เป็นต้น สำหรับในส่วนของผู้ที่จะลักลอบนำกัญชาเข้ามาสวมสิทธิ์นั้น เจ้าหน้าที่ได้มีมาตรการควบคุมไว้หมดแล้ว จึงเป็นไปได้ยากที่จะทำได้ จะมีรหัสควบคุมสินค้าอยู่แล้ว ซึ่งถ้าหากเจ้าหน้าที่มีการตรวจสอบกัญชาแล้วมีสารเจือปน จะรู้ทันทีว่ามาจากแหล่งไหน