ข่าวอัพเดทรายวัน

เลยทนายแดงและเครือข่ายแจ้งความตำรวจเมืองเลยดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่ปล่อยให้ขาดอายุความคดีส.ส.คนดังรุกป่าเขาใหญ่

เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ.2565 นายคุ้มพงษ์ ภูมิภูเขียว หรือทนายแดง เครือข่ายทนายความเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมไทย และนายทศพล พรหมเกตุ เครือข่ายประชาชนอีสานเพื่อความยุติธรรม (คปอธ.) ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.พรชัย ประพิณ สว.(สอบสวน) สภ.เมืองเลย พ.ต.อ.ยศวัจน์ แก้วสืบธัญนิจ ผกก.สภ.เมืองเลย เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการยุติธรรมทั้งหมด ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 ในคดีนักการเมืองคนดังบุกรุกป่าเขาใหญ่ ในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี ปล่อยให้ขาดอายุความ

สืบเนื่องจากคดีบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ของนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนายสุนทร วิลาวัลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี ที่ปปช. มีมติชี้มูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และมาตรา 151 ฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจ ตำแหน่งสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่รัฐ ออกเอกสารสิทธิบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ในวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ.2565 แต่ไม่สามารถจับกุมตัวนายสุนทร วิลาวัลย์ ผู้ถูกกล่าวหามาส่งฟ้องศาลได้ทันในวันที่13 มิถุนายน พ.ศ. 2565 อันเป็นเหตุให้ขาดอายุความอาญา 20 ปี สร้างความเสียหายร้ายแรงต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศ นับเป็นความอัปยศบิดเบี้ยวอีกครั้งหนึ่งของกระบวนการยุติธรรมไทย โดยเฉพาะเป็นความอัปยศไร้ประสิทธิภาพของหน่วยงานที่มีหน้าที่ “ปราบโกงปราบคอรัปชั่น” อย่าง ปปช. ทั้งที่การปราบปราม ต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นเป็นวาระแห่งชาติที่ทุกๆรัฐบาลประกาศให้ความสำคัญ โดยเฉพาะรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศให้เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งโดยข้อเท็จจริงตามการแถลงของเลขาธิการ ปปช. คดีดังกล่าวมีผู้ร้องเรียนตั้งแต่ปี พ.ศ.2545 และปปช.ได้รับสำนวนคดีความจากตำรวจเมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ.2563 แต่กว่าที่คณะกรรมการ ปปช.จะมีมติชี้มูลความผิด ก็ล่วงเลยมาถึงวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ.2565 ซึ่งเหลือเวลาเพียง 13 วันก็จะหมดอายุความแล้ว ปปช.ใช้เวลาสอบสวนข้อมูลข้อเท็จจริง ยาวนานถึง 2 ปี 4 เดือนเศษ อันเป็นสิ่งที่แสดงถึงความอ่อนแอ ด้อยประสิทธิภาพอย่างยิ่ง หลังจากนั้นทั้งอัยการ และตำรวจก็ไม่สามารถดำเนินการจับกุมตัวผู้ถูกกล่าวหามาส่งฟ้องศาลได้ทันตามกำหนด ซึ่งนับเป็นความอัปยศ บิดเบี้ยว ไร้ประสิทธิภาพอีกครั้งหนึ่งของกระบวนการยุติธรรมไทย เครือข่ายประชาชนอีสานเพื่อความยุติธรรม (คปอธ.) และเครือข่ายทนายความเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมไทย ซึ่งเป็นองค์กรภาคประชาชน จึงขอใช้สิทธิประชาชนเพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับคดีความดังกล่าวทั้งหมด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ต่อเจ้าพนักงานสอบสวน และขอเรียกร้องมายังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังนี้ 1. ขอให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) เปิดเผยข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีความดังกล่าวต่อประชาชนอย่างสุจริต โปร่งใส 2. ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) เร่งรัดดำเนินคดีบุกรุก ครอบครองพื้นที่ป่าไม้ หลายแปลงของนายสุนทร วิลาวัลย์ และนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ ที่เหลืออยู่ เพื่อนำคดีสู่การพิจารณาคดีของศาลโดยเร็วที่สุด