ข่าวอัพเดทรายวัน

นครพนม – หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 วางปืนมาถอนต้นกล้า ลงแขกดำนาช่วยเหลือชาวนาซึ่งเป็น “กระดูกสันหลังของชาติ”ช่วงขาดแคลนแรงงาน ในพื้นที่ชายแดนแม่น้ำโขง


วันที่ 18 มิ.ย. 2565 พันเอก อุทัย นิลเนตร ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 21/ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 เล็งเห็นความสำคัญในช่วงฤดูฝนเป็นฤดูของการเริ่มลงมือเพาะปลูกข้าว เป็นวิถีชีวิตของชาวนาเกษตรกรไทย ซึ่งเป็นกระดูกสันหลังของชาติ และเป็นอาชีพที่สำคัญของประเทศไทย ปัจจุบันแรงงานเดินทางเข้าทำงานในเมืองใหญ่ ทำให้แรงงานที่จะทำนาขาดแคลนในพื้นที่ อ.บ้านแพง จ.นครพนม จึงได้สั่งการให้นำกำลังพลกองร้อยทหารพรานที่ 2108 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 ในขณะนั้นได้ลาดตระเวนผ่านเห็นชาวนากำลังดำนาอยู่พอดีจึงวางปืนมาถอนต้นกล้า ลงแขกดำนาช่วยเหลือชาวนาซึ่งเป็น “กระดูกสันหลังของชาติ”ช่วงขาดแคลนแรงงานร่วมกับชาวนาในพื้นที่ลงแขกดำนาช่วยเหลือในแปลงนาข้าวนาปี ของ นางสุทิน ชัยภาลา อายุ 59 ปี บ้านเลขที่ 6 หมู่ 6 บ.ดอนกลาง ต.หนองแวง อ.บ้านแพง จ.นครพนม ซึ่งเป็นครอบครัวชาวนาที่ขาดแคลนแรงงานในการปักดำนา เพื่อเป็นการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระของชาวนาที่มีฐานะยากจน และเพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย และลดต้นทุนการผลิตข้าวนาปีให้กับชาวนา ที่จะต้องจ่ายค่าแรงงานในการปักดำนาในแต่ละปี อีกทั้งยังเป็นการช่วยฟื้นฟู สืบสาน รักษา ต่อยอดประเพณีการลงแขกดำนา ซึ่งเป็นประเพณีโบราณซึ่งเป็นวิถีชีวิตที่อยู่คู่กับคนไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน และที่สำคัญให้ประชาชนในพื้นที่ได้รู้จักการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สมัครสมานสามัคคีในชุมชน สอดคล้องกับนโยบายของกองทัพบก

นอกจากนั้นยังได้มีโอกาสพูดคุยกับชาวบ้านอย่างใกล้ชิด ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ บรรเทาความเดือดร้อน ลดต้นทุนในการจ้างแรงงานให้แก่ชาวนาในอีกทางหนึ่งด้วย นางสุทิน ชัยภาลา เจ้าของที่นากล่าวว่า รู้สึกยินดีที่มีกำลังพลหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 และเพื่อนบ้านมาช่วยปักดำนาในวันนี้ เนื่องจากแรงงานในท้องถิ่นบ้านเราขาดแคลนค่อนข้างหายากและค่าแรงค่อนข้างสูงตกวันละประมาณ 350-400 บาท ต้องทำอาหารเลี้ยงข้าวมื้อเที่ยงด้วย จึงเป็นต้นทุนที่สูงมาก เมื่อมีทหารพรานและเพื่อนบ้านมาช่วยเหลือก็รู้สึกยินดีที่ต้นทุนการปลูกข้าวลดลง จึงขอบคุณพันเอก อุทัย นิลเนตร ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 21/ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21ที่มีโครงการดีๆ อย่างนี้เกิดขึ้น จึงเป็นการสร้างรอยยิ้มและความสุขให้แก่ชาวบ้านและชาวนาได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญเป็นการสร้างสังคมแห่งการให้และแบ่งปัน ให้อยู่คู่กับวิถีชีวิตชาวนาไทยตลอดไป “เพราะทหารเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาส”