ข่าวอัพเดทรายวัน

รองผู้ว่าราชการนครพนม ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจและฝากข้อแนะนำการปฏิบัติตัวกันเหตุวาตภัยซ้ำ

วันที่ 20 มิถุนายน 2565 ที่จังหวัดนครพนม นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นางสุทธิกานต์ วงศ์สถิตจิรกาล รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม และคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ประสบวาตภัยในพื้นที่อำเภอเรณูนคร ที่เกิดเหตุเมื่อเวลา 19.30 น. ของวันที่ 17 มิถุนายน 2565 โดยบ้านหลังแรกเป็นบ้านของนางเพ็ญศรี ท่อนทอง บ้านเลขที่ 61 หมู่ที่ 8 ตำบลท่าลาด ในช่วงที่เกิดเหตุได้มีลมกรรโชกแรงจนทำให้ต้นกระบกขนาดใหญ่โค้นล้มลงมาทับหลังคาบ้านที่ต่อเติมออกจากตัวบ้านได้รับความเสีย และบ้านของนายทวีชัย ธงวาด บ้านเลขที่ 82 หมู่ที่ 9 ตำบลเรณูใต้ ซึ่งขณะเกิดเหตุลมได้พัดเอาสังกะสีหลังคาบ้านปลิวไปจำนวนหลายแผ่น

นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า เหตุวาตภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่อำเภอเรณูนครเมื่อวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา ใช้เวลาประมาณ 50 นาที ซึ่งเป็นช่วงเย็นที่ประชาชนอยู่บ้าน แม้จะไม่มีผู้เสียชีวิต แต่ก็มีประชาชนหลายคนได้รับผลกระทบมากบ้างน้อยบ้าง ดังนั้นจึงได้นำคณะลงพื้นที่เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับทุกคนโดยเฉพาะผู้ที่บ้านได้รับความเสียหาย ทั้งนี้อยากฝากข้อแนะนำเตือนพี่น้องประชาชนเกี่ยวกับการเฝ้าระวังลมพายุเพราะในช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝน ที่สามารถเกิดเหตุฝนฟ้าคะนองได้ง่าย จึงอยากให้ใครที่ปลูกต้นไม้เพื่อเป็นร่มเงาให้บ้านตัดตกแต่งกิ่งไม้ให้ดี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุที่ไม่คาดคิด ที่อาจส่งผลเสียหายต่อชีวิตและตัวบ้าน ซึ่งถ้าเป็นตัวบ้านเรายังสามารถซ่อมแซมได้ แต่ถ้าเป็นชีวิตนั่นคือการสูญเสียที่ไม่อาจประเมินค่าได้ ส่วนใครที่อยู่นอกบ้านระหว่างเกิดพายุฝนฟ้าคะนองก็ไม่ควรที่จะไปอยู่กลางแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ใต้ต้นไม้ที่ปลูกใหม่ ใกล้ป้ายโฆษณา เสาไฟฟ้าหรือสิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็งแรง เพราะนั้นหมายถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับเราได้แบบไม่รู้ตัวเมื่อลมพายุมา ส่วนใครที่สวมเครื่องประดับประเภทเงิน ทองคำ ทองแดง ก็ควรระวังให้ดีเพราะโลหะเป็นสื่อนำไฟฟ้าซึ่งหากมีฟ้าผ่าก็อาจก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้เช่นกัน นอกจากนี้ก็ยังมีในเรื่องของการเก็บของและทรัพย์สินให้มิดชิด ปิดหน้าต่างทุกบานให้สนิท งดใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าและโทรศัพท์มือถือในระหว่างที่มีพายุฝน และที่ขาดไม่ได้คือควรติดตามข้อมูลข่าวสาร ประกาศเตือนภัยจากทางราชการอย่างใกล้ชิด เพราะจะสามารถเตรียมรับมือกับภัยหรือเหตุการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที