จากกรณีที่มีการเผยแพร่ข่าวทางสื่อมวลชนและทางสื่อโซเชียวว่ามีบริษัทแห่งหนึ่งเชิญชวนให้ประชาชนลงทุนทำฟาร์มเห็ดที่จังหวัดสกลนคร แต่เกิดการผิดนัดการจ่ายเงินปันผลที่ลงทุน ทำให้มีผู้เสียหายจำนวนมากนำหลักฐานเข้าแจ้งความร้องทุกข์โดยเฉพาะที่ DSI โดยขณะนี้ผู้นำเงินมาลงทุนกับบริษัทแห่งนี้กระจายอยู่ทั่วประเทศและมูลค่าสูงประมาณ 500 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่บริษัทฟาร์มเห็ดดังกล่าว พบมีอยู่จริง ตั้งอยู่ ถนนสกลทวาปี ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร มีโรงเรือนปลูกเห็ดประมาณ 120 โรงเรือน ใกล้กันห่างออกไปประมาณ 300 เมตร ที่ถนนเส้นเดียวกัน มีสำนักงานใหญ่ที่ตั้งของบริษัท ซึ่งขณะนี้มีการนำแผงเหล็กมาปิดกั้นทางเข้าออกห้ามบุคคลภายนอกเข้าไป โดยทราบว่าสำนักงานขอปิดทำการเป็นเวลา 1 สัปดาห์ หลังจากเกิดการเผยแพร่ข่าวดังกล่าว
ล่าสุดวันนี้ (28 ก.ค.65) ที่สภ.เมืองสกลนคร มีผู้เสียหายจากการลงทุนทำฟาร์มเห็ด ประมาณ 12 ราย นำเอกสารหลักฐานเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสกลนคร โดย มี พล.ต.ต.สรรธาน อินทรจักร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดได้กำชับให้ดูแลในเรื่องนี้ เพราะประชาชนได้รับความเดือดร้อน และส่อผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจะรวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมกับมอบหมายให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบหาหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อใช้ดำเนินคดีต่อบริษัทดังกล่าวและบุคคลที่เกี่ยวข้องหากเข้าข่ายผิดกฎหมายต่อไป
ขณะที่ผู้เสียหายรายหนึ่ง (ขอสงวนชื่อและใบหน้า) เล่าว่า ตนลงทุนไปกับการทำธุรกิจฟาร์มเห็ดไป 66,000 ได้เงินปันผลกลับมาเพียง 3 เดือน พอเดือนที่ 4 ไม่จ่ายเงิน โดยอ้างว่าบัญชีเขาโดนอายัด ส่วนสาเหตุที่หลงเชื่อเพราะเขามีความน่าเชื่อถือและปันผลกำไรสูง อีกทั้งเห็นเขาทำธุรกิจที่เป็นรูปธรรมชัดเจน มีฟาร์มเห็ดมีสำนักงาน ตอนแรกลงทุนว่าจะปลูกเห็ดเองเพื่อส่งขายเขา พอสุดท้ายก็ให้เขาปลูกให้โดยเราไม่ต้องเหนื่อย และยังมีโครงการเกษตรอื่นๆให้ลงทุนในลักษณะคล้ายกันอีกด้วย
โดยบริษัทดังกล่าวเปิดตัวบริษัทไปเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา โดยมีแขกผู้มีเกียรติมาร่วมงาน และเยี่ยมชมฟาร์มเห็ด พร้อมกับโฆษณาประชาสัมพันธ์ความสำเร็จของโครงการผ่านทางโซเซียล โปรโมทว่ามีโครงการดังกล่าวได้ผลกำไรสูง โพสต์ภาพคนดังมาเยี่ยมฟาร์มเพื่อสร้างความเชื่อถือ โดยมีคนลงทุนฝากเลี้ยงเห็ดในโรงเรือน 1 โรงเรือน ราคาสูงกว่า 1 ล้านบาท ตอนแรกๆก็จ่ายได้ แต่พอ 3-4 เดือนผ่านไปไม่จ่ายเงินปันผล รวมมูลค่าความเสียหาย ประมาณ 500 ล้านบาท และมีข่าวลือว่าคนอยู่เบื้องหลังรายใหญ่บินหนีไปอังกฤษแล้ว