ข่าวอัพเดทรายวัน

บุรีรัมย์ยายวัย 76 สุดช้ำถูกลูกจ้างแสบหลอกซื้อที่ดินทิพย์สูญเกือบล้านแจ้งความเป็นปีคดีไม่คืบ

ยายวัย 76 ชาว อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ เจ้าของฟาร์มเลี้ยงหมูโดนลูกจ้างสุดแสบทั้งหลอกยืมเงินอ้างเดือดร้อน และรวมหัวกับพวกตุ๋นซื้อที่ดินทิพย์สูญกว่า 7 แสนแต่ยังไม่เคยเห็นที่หรือโฉนด เผยสุดช้ำดูแลอย่างดีให้ที่อาศัยช่วยจ่ายหนี้รายวันแต่กลับเนรคุณ วอน ตร.เร่งตามจับหลังแจ้งความเป็นปีแต่คดีไม่คืบหน้า

วันที่ 2 ส.ค.2565 นางเพียง หลวงพิมาย อายุ 76 ปี เจ้าของฟาร์มเลี้ยงหมูแห่งหนึ่งใน ต.หนองกระทิง อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามตัว นางพิมพ์พิกา หรือพิมพ์ อายุประมาณ 45 ปี อดีตลูกจ้างที่มารับจ้างเลี้ยงหมูที่ฟาร์มกับครอบครัว หลังจากนางพิมพ์ ได้มีพฤติกรรมหลอกยืมเงินครั้งละหลักพันถึงหลักหมื่นอ้างว่าเดือดร้อนรวมทั้งสิ้นประมาณ 200,000 บาท ทั้งยังรวมหัวกับพวกหลอกซื้อที่ดินทิพย์สูญเงินอีกกว่า 500,000 บาท แต่ยายผู้เสียหายกลับไม่เคยเห็นที่ดินเลย พอถามหาโฉนดที่ดินที่ซื้อและจ่ายเงินไปแล้วกลับอ้างโน่นอ้างนี่ทั้งยังแสดงอาการไม่พอใจใส่ กระทั่งสุดท้ายรู้ว่าถูกหลอก ยายจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.ลำปลายมาศ แต่ผ่านไปกว่า 1 ปีคดีก็ยังไม่คืบหน้า อดีตลูกจ้างแสบยังคงลอยนวล

ยายเพียง ผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อปี 2563 นางพิมพ์ พร้อมสามี และพ่อแม่รวม 4 คนได้มารับจ้างเลี้ยงหมูที่ฟาร์ม ซึ่งตนก็ดูแลอย่างดีทั้งให้ที่พักอาศัย ให้ค่าจ้างเป็นรุ่นๆ ละ 50,000 บาทต่อคน รุ่นหนึ่งก็จะเลี้ยงอยู่ราว 5 เดือน เฉลี่ยแต่ละคนก็จะได้ค่าจ้างเดือนละประมาณ 10,000 บาท พออยู่จนคุ้นเคยกันนางพิมพ์ ก็จะเริ่มมาขอยืมเงินครั้งละหลักพันถึงหลักหมื่นบาทอ้างว่าเดือดร้อน ก็มายืมเรื่อยๆ รวมเป็นเงินกว่า 200,000 บาท จากนั้นก็เริ่มแนะนำให้รู้จักกับนายแต อายุประมาณ 27 ปี โดยอ้างว่านายแต และครอบครัวมีที่ดินเยอะ และเขาจะแบ่งขายที่ดินให้ในราคาถูกด้วยความไว้ใจเห็นว่านางพิมพ์ เป็นลูกจ้างจึงหลงเชื่อตกลงซื้อที่ดิน ครั้งแรกบอกว่าที่ 9 ไร่ ขายเพียง 50,000 บาท ซึ่งนางพิมพ์ ก็พานายแต มาเอาเงินที่ฟาร์มแต่ตอนนั้นทำเป็นหนังสือสัญญากู้ยืมไว้เป็นหลักฐานเพราะยังไม่ได้เอกสารสิทธิที่ดินที่ซื้อ โดยมีผู้ใหญ่บ้านเซ็นเป็นพยาน ครั้งที่สองบอกว่าจะขายอีก 13 ไร่แต่ครั้งนี้นางพิมพ์มาเอาเงินสดกับตนเองที่ฟาร์ม 50,000 บาท บอกว่าเดี๋ยวจะไปโอนให้นายแต เอง ก็หลงเชื่ออีก หลังจากนั้นก็ทยอยมาหลอกเอาเงินอ้างว่าไปจ่ายค่าที่ให้นายแต อีกเรื่อยๆ รวมเป็นเงินกว่า 500,000 บาท พอปี 2564 ตนก็ถามหาโฉนดที่ดินที่นางพิมพ์ บอกว่าเอาเงินไปซื้อกลับอ้างโน่นอ้างนี่ตลอด แล้วครั้งหนึ่งญาติบอกว่าอยากเห็นที่ดินที่ยายซื้อ แต่นายพิมพ์ กลับพาญาติของยายไปดูที่นาของคนอื่นซึ่งไม่ใช่ที่ดินที่อ้างว่านายแต ขายให้

ญาติพี่น้องของยาย ก็เริ่มเอะใจว่ายายน่าจะถูกหลอก ยายจึงเรียกนางพิมพ์ มาสอบถามแต่นางพิมพ์ไม่ยอมรับ ทั้งแสดงอาการไม่พอใจและต่อว่ายายด้วยถ้อยคำที่ไม่สุภาพ หลังจากนั้นยายจึงเลิกจ้างนางพิมพ์ และครอบครัว เลี้ยงหมู และตัดสินใจไปแจ้งความที่ สภ.ลำปลายมาศ เพื่อให้ดำเนินคดีกับนางพิมพ์ และพวก เมื่อช่วงกลางปี 2564 แต่จนถึงขณะนี้ผ่านมาเป็นปีแล้วคดีก็ยังไม่คืบหน้า จึงอยากให้ตำรวจเร่งติดตามตัวนางพิมพ์ มาดำเนินคดี หรือมาพูดคุยไกล่เกลี่ยนำเงินที่หลอกเอาไปมาคืน เพราะเป็นเงินที่ยายเก็บสะสมจากการเลี้ยงหมูขาย