ตำรวจภูธรขอนแก่น ร่วมกับฝ่ายปกครอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำหมู่บ้านและชุมชนอบรมโครงการ “นาคาพิทักษ์ รักษ์ประชา 1 ตำบล 1 ทีมไม้ง่าม” ฝึกเข้มยุทธวิธีการใช้อุปกรณ์ไม้ง่ามระงับเหตุสยบคนคลุ้มคลั่ง โดยเฉพาะผู้มีอาการทางจิตและเสพยาเสพติด
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 14 กันยายน 2565 ที่หอประชุมอำเภอเมืองขอนแก่น พล.ต.ต.นพเก้า โสมนัส ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น เป็นประธานเปิดโครงการนาคาพิทักษ์ รักษ์ประชา 1 ตำบล 1 ทีมไม้ง่าม โดยมี พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น นายประจวบ รักษ์แพทย์ นายอำเภอเมืองขอนแก่น และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ในพื้นที่ 9 ตำบล คือ ตำบลบ้านเป็ด บ้านทุ่ม แดงใหญ่ สาวะถี บ้านค้อ สำราญ โนนท่อน เมืองเก่า และตำบลท่าพระ พื้นที่ของอำเภอเมืองขอนแก่น จำนวน 180 คนข้าร่วมโครงการฯ ซึ่งก่อนการอบรม เจ้าหน้าที่ชุดปราบปราม สภ.เมืองขอนแก่น ได้แสดงวิธีและกลยุทธ์ เทคนิคการใช้ไม้ง่าม เข้าระงับเหตุผู้ป่วยจิตเวช คนวิกลจริต หรือผู้ป่วยยาเสพติด ที่มีอาการทางจิตเวช มีอาการคลุ้มคลั่ง ให้กับผู้เข้าอบรมได้ชมกันด้วย ทั้งยังมอบอุปกรณ์ไม้ง่ามให้ตัวแทนตำบลที่เข้าอบรม ตำบลละ 2 ชุด
นายสุทธิศักดิ์ สัสดีไกรสร กำนันตำบลบ้านเป็ด กล่าวว่า การร่วมอบรมโครงการ1 ตำบล 1 ไม้ง่าม มีประโยชน์กับชุมชนมาก เพราะว่าปัญหายาเสพติดหรือปัญหาเกี่ยวกับผู้ป่วยทางจิตในสังคมทุกวันนี้ มีมากขึ้น ในแต่ละตำบล มีความแตกต่างกันออกไป ซึ่งเป็นปัญหาของชุมชน ที่มีมากขึ้นในทุกวันนี้ โครงการ1 ตำบล 1 ไม้ง่ามนี้ตนคิดว่าเป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนเพื่อรักษาชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนภายในชุมชนของตนเอง แม้ผู้เข้าอบรมที่เป็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือผู้นำชุมชนส่วนมากจะเป็นผู้สูงอายุ แต่ไม่ใช่ปัญหา เพราะโครงการนาคาพิทักษ์รักประชาเราได้มีการอบรมภายในตำบลของตัวเอง เน้นอบรมหนุ่มฉกรรจ์ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไปแต่ไม่เกิน 30 ปี ซึ่งส่งตัวแทนหมู่บ้านละ 3 คนเข้ารับการอบรม
ทางด้าน พล.ต.ต.นพเก้า โสมนัส กล่าวว่า โครงการนาคาพิทักษ์รักประชา1 ตำบล 1 ทีมไม้ง่ามนั้น เป็นโครงการที่ดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ทางฝ่ายปกครองโดยนายอำเภอเมืองขอนแก่น ต้องการขับเคลื่อนนโยบาย เพื่อป้องกันชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทั้งยังเป็นการพัฒนาบุคลากร ให้มีความรู้เกี่ยวกับกฎหมายและความรู้ด้านยุทธวิธี ในการระงับเหตุกรณีผู้ป่วยจิตเวช และผู้ป่วยยาเสพติด ที่มีอาการทางจิตเกิดอาการคลุ้มคลั่ง เพื่อเป็นการป้องกันระงับเหตุและควบคุมสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที เป็นไปตามหลักยุทธวิธีสากล มีประสิทธิภาพ ไม่ให้เกิดความสูญเสียทั้งเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และผู้ก่อเหตุที่มีอาการทางจิตเวช และผู้ป่วยยาเสพติดที่มีอาการทางจิต