ข่าวอัพเดทรายวัน

กล้องวงจรปิดจับภาพนางโจรแสบฉก จยย. เตรียมส่งข้ามโขงแต่ไม่รอดโดนรวบก่อน เพราะไม่ตรงสเป็ค

วันที่ 16 ต.ค.65 จากกรณีนางเพชรา อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59 หมู่ 1 บ้านดอนยานาง ต.นาทราย อ.เมือง จ.นครพนม ได้แจ้งความไว้กับนายจำนงค์ อ่อนพินา กำนันตำบลนาทราย อ.เมือง จ.นครพนม ว่าถูกโจรลักษณะเป็นหญิงสาวลักรถจักรยานยนต์ย่ามาฮ่า รุ่นสปาร์ค สีดำแดงที่จอดไว้หน้าบ้าน เมื่อกลางดึกของวันที่ 8 ตุลาคมเวลา ประมาณ ตีหนิ่ง ก่อนที่จะเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.ท.สัจจนันท์ บางทราย รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองนครพนม พร้อมนำภาพจากกล้องวงจรปิดที่สามารถบันทึกภาพตอนที่คนร้ายมาจูงรถจักรยานยนต์ไปได้โดยสามารถเห็นรูปพรรณของคนร้ายอย่างชัดเจน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมมาดำเนินคดีให้ได้ พร้อมกับโพสต์ภาพจากกล้องวงจรปิดและภาพผู้ก่อเหตุลงในสื่อโชเชียลเพื่อให้ช่วยติดตามอีกแรงหนึ่ง

จนกระทั่ง เมื่อเวลา 05.30 นวันที่ 16 ตุลาคม 65 นายจำนงค์ อ่อนพินา กำนันตำบลนาทราย ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าพบเห็นคนร้ายกำลังขับขี่รถจักรยายนต์อยู่ที่ทางแยกเข้าบ้านผึ้งริมถนนนิตโย จึงนำกำลังฝ่ายปกครองตำบลนาทราย เข้าตรวจสอบที่จุดที่ได้รับแจ้ง พบว่าพลเมืองดีได้คุมตัว นางสาวน้ำฝน (ขอสงวนนามสกุล) ไว้พร้อมรถจักยานยนต์ยามาฮ่า รุ่นสปาร์ค สีดำแดง ไว้แล้ว จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นรถที่โจรกรรมมาจากนางเพชรา เพ็งที จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมารับตัวทันที

นายจำนงค์ อ่อนพินา กำนัน ตำบลนาทราย เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้นางสาวน้ำฝน ได้ก่อเหตุ ลักทรัพย์ ที่ร้านค้าของภรรยาตนเองในหมู่บ้านโดยขโมยที่ชาร์จแบตเตอรี่และโทรศัพท์มือมือแต่ถูกจับได้ และได้ยึดบัตรประชาชนไว้ และเมื่อเห็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่มาขโมยรถจักยานยนต์ที่บ้านของนางเพชรา ก็ทราบทันทีว่าผู้ก่อเหตุเป็นนางสาว น้ำฝนเนื่องจากสามารถเห็นหน้าและสามารถจดจำใบหน้าได้อย่างชัดเจน และหลังจากที่โพสต์ รูปผู้ก่อเหตุในโลกโซเชียล ชาวบ้านที่พบเห็นที่ทราบข่าว พบเห็นผู้ก่อเหตุขับขี่รถจักรยานยนต์อยู่แถวนั้นจึงควบคุมตัวไว้ได้และตนได้ติดต่อผู้เสียหายคือนางเพชรา ให้มาดูรถจักยานยนต์ของกลาง ซึ่งนางเพชราก็ยืนยันว่าเป็นรถของตนที่หายไปจริง ถึงแม้จะมีการถอดแผ่นป้ายทะเบียนและชิ้นส่วนบางชิ้นออกเพื่อตบตาผู้พบเห็นก็ยังสามารถจดจำได้ ตนจึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมารับตัวผู้ก่อเหตุทันที พร้อมนำตัวมาตรวจสารเสพติด ก็พบปัสสาวะเป็นสีม่วง โดยยังให้การวกวนเนื่องจากฤทธิ์ยาบ้าโดยนางสาวน้ำฝนรับว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาได้เสพยาบ้าไปสามเม็ดเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวไว้และให้พาไปยังจุดนัดพบกับเพื่อนที่รีสอร์ท ไทญ้อ ทันที แต่เมื่อไปถึงก็ไม่พบอะไรแล้วจากการสอบถามพนักงานรีสอร์ท พบว่ารถจักยานยนต์ ที่นำมาจอดซ่อนไว้ทั้ง 3 คันได้ถูกนำออกจากรีสอร์ทไปตั้งแต่ตอนเย็นวันที่ 15 แล้ว คาดว่าทั้งสามคันได้ถูกส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้านเรียบร้อยแล้ว

ส่วนนางสาวน้ำฝน กล่าวว่าวันเกิดเหตุตนร่วมกับเพื่อนสาวชื่อแอน และแฟนชื่ออ้าย มาก่อเหตุลักจักยานยนต์ที่บ้านของนางเพชรา เพื่อส่งขายไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน โดยนางแอนและสามีได้เช่าห้องพักอยู่ที่รีสอร์ท ไทญ้อ บ้านท่าดอกแก้ว อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม โดยมีคำสั่งซื้อรถเพื่อส่งข้ามฝั่งประเทศเพื่อนบ้านจำนวน 4 คัน แต่มีซุกซ่อนไว้ที่รีสอร์ทแล้ว 3 คันคือรถฮอนด้าเวฟหนึ่งคัน ฮอนด้าคลิก และฮอนด้าโซนิก สีดำแดง ทั้งหมด ยังขาดอีกหนึ่งคันจึงพากันออกตระเวนลักรถ เพื่อให้ครบจำนวน แต่เมื่อลักรถมาแล้วกลับเป็นรถยามาฮ่า ซึ่งไม่ตรงกับความต้องการของลูกค้าตนจึงเอารถคันดังกล่าวออกมาตระเวนเพื่อหารถย่ามาฮ่าให้ได้โดยให้นางสาวแอนและแฟนหนุ่ม รอที่ห้องพักรีสอร์ท ไทญ้อ แต่หลังจากตระเวนหาเหยื่อทั้งคืนก็ไม่สามารถหาได้จนมาถึงจุดเกิดเหตุก็ถูกพลเมืองดีควบคุมตัวเนื่องจากสงสัยว่าเป็นรถที่ขโมยมา หลังจากถูกจับได้ตนก็โทรไปหาเพื่อนแต่ไม่สามารถติดต่อได้ อีกแล้ว

ด้านนางเพชรา อายุ 58 ปี เจ้าของรถจักยานยนต์ที่ถูกขโมยเปิดเผยว่า วันเกิดเหตุตนได้จอดรถจักยานยนต์ไว้หน้าบ้านพร้อมทิ้งกุญแจรถไว้ที่ตะกร้าหน้ารถซึ่งก็ทำแบบนี้เป็นประจำทุกวันก็ไม่เคยมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น แต่หลังจากที่นางสาวฝนเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านก็มีเหตุการณ์ลักเล็กขโมยน้อยเกิดขึ้นอยู่บ่อย ๆ ก็ไม่คิดว่าผู้ก่อเหตุจะเป็นนางน้ำฝน เพราะเห็นเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ซึ่งเมื่อเห็นภาพจากกล้องวงจรปิดแล้วก็รู้ทันทีว่าเป็นนางสาวน้ำฝน เพราะเห็นหน้าชัดเจนและจำหน้าได้ทันทีเพราะเคยเห็นหน้ากันอยู่เป็นประจำ จึงอยากฝากเตือนผู้ที่มีรถจักรยานยนต์โดยเฉพาะยี่ห้อฮอนด้าให้ระมัดระวังเก็บรักษาให้ดีอย่าเสียบกุญแจคาไว้กับรถเพราะรถยี่ห้อนี้เป็นที่ต้องการของขบวนการส่งรถข้ามโขงไปขายยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยพลเมืองดีที่พบตัวนางสาวฝน ก็ถูกขโมยรถไปเหมือนกันจึงออกติดตาม ซึ่งคาดว่าคนร้ายน่าจะเป็นกลุ่มเดียวกัน