ข่าวอัพเดทรายวัน

บึงกาฬ นายกไทยและลาว ร่วมสร้างประวัติศาสตร์ให้ชาวบึงกาฬและชาวบอลิคำไซ ได้ภาคภูมิใจ ในพิธีวางศิลาฤกษ์โครงการสะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว แห่งที่ 5 ประชาชนกว่า 6,000 พันคนร่วมเป็นสักขีพยาน

ที่ บริเวณพื้นที่โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย – ลาวแห่งที่ 5 ( บึงกาฬ – บอลิคำไซ ) (ฝั่งไทย) วันที่ 28 ตุลาคม 2565 เวลา 11.00 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แห่งราชอาณาจักรไทย และท่าน ดร.พันคำ วิพาวัน นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ร่วมเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ – บอลิคำไซ) พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีทั้ง 2 ฝั่งประเทศร่วมเป็นเกียรติ อาทิ คณะรัฐมนตรีฝั่งไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ดร.ทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) และคณะรัฐมนตรีฝั่ง สปป.ลาวท่านสอนไซ สีพันดอน รองนายกรัฐมนตรี ท่านเวียงสะหวัด สีพันดอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโยธาธิการและขนส่ง เป็นต้น ทั้งนี้มีนายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ นางแว่นฟ้า ทองศรี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ นายนพดล จอมเพชร ปลัดจังหวัดบึงกาฬ นายสมหวังอารีย์เอื้อ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดบึงกาฬ นางวาทินี โฆษาศิวิไลซ์ รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดบึงกาฬ นายอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนชาวจังหวัดบึงกาฬ ทั้ง 8 อำเภอกว่า 6,000 คนร่วมเป็นสักขีพยานและให้การต้อนรับ

ท่าน ดร.พันคำ วิพาวัน นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว กล่าวว่า มีความปิติชมชื่นเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพร่วมกับ ฯพณฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย โดยมีผู้แทนขั้นสูงที่เกี่ยวข้องทั้งสองฝ่ายเข้าร่วม ทำให้พิธีวางศิลาลึกโครงการก่อสร้างขัวมิตรภาพลาว-ไทยแห่งที่ 5 ในวันนี้มีความหมายและเป็นสิริมงคลอย่างยิ่ง การวางศิลาลึกขัวแห่งนี้มีความล่าช้าเนื่องจากการแพร่ระบาดของพยาธิโควิด-19 แต่โครงการก่อสร้างก็ได้ดำเนินมาตั้งแต่เดือนมังกร 2021 เป็นต้นมา และมีการดำเนินการก่อสร้างตามแผนและเป้าหมายที่วางไว้ที่น่าพึงพอใจ และยิ่งไปกว่านั้นยังเกินกว่าคาดหมายที่กำหนดไว้ โครงการก่อสร้างขัวมิตรภาพฯ แห่งที่ 5 นี้ เป็นหนึ่งในความพยายามและความมุ่งมาดปรารถนาของสองรัฐบาลลาว – ไทย, ไทย-ลาว ในการสร้างเงื่อนไขอำนวยความสะดวกให้แก่การสัญจรไปมาของประชาชน 2 ฝั่งลาว – ไทย, ไทย – ลาว และการขนส่งระหว่างประเทศเพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว การใช้ที่ตั้งทางยุทธศาสตร์อันสำคัญของ 2 ประเทศอยู่อนุภาคพื้นลุ่มแม่น้ำของและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการเชื่อมโยงเศรษฐกิจตะวันออกตะวันตก ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวก และสนับสนุนการพัฒนาเชื่อมโยงการขนส่ง ฯลฯ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีฯ แห่งราชอาณาจักรไทย กล่าวแสดงความยินดีต่อความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพฯแห่งที่ 5 ร่วมกับท่านพันคำ วิพาวัน นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยโครงการดังกล่าวเป็นโครงการสำคัญที่จะส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างไทยกับสปป.ลาว และถือเป็นความคืบหน้าสำคัญที่ผมกับท่านนายกฯ พันคำได้หารือกันไว้ในช่วงที่ท่านพันคำ ได้มาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ไทยและ สปป.ลาวนั้น เราเป็นเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดกันในทุกระดับ ช่วยดูแล ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันมาโดยตลอดด้วยความเข้าใจและความเคารพซึ่งกันและกัน ดังที่ท่านนายกฯพันคำ เคยกล่าวไว้ว่า ประชาชนของเราทั้งสองประเทศกินข้าวร่วมนา กินปลาร่วมน้ำ พึงพาอาศัยซึ่งกันและกันตลอดมา พิธีวางศิลาฤกษ์โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพฯ แห่งที่ 5 นี้ เป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพเหมือนดังชื่อของสะพาน และเป็นความภาคภูมิใจของทั้งสองประเทศที่ได้ร่วมกันพัฒนา และส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างกันมาโดยตลอด ซึ่งสะพานนี้เป็นสะพานมิตรภาพฯแห่งที่ 5 แล้ว ขณะเดียวกันโครงการนี้ยังถือเป็นแบบอย่างของความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมหลังจากที่ไทยและสปป.ลาวได้เปิดศักราชใหม่ของความสัมพันธ์ด้วยการยกระดับความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เพื่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งมีเป้าหมายสำคัญให้ทั้งสองประเทศก้าวไปข้างหน้าและเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืนบนพื้นฐานของประโยชน์ร่วมกันของประชาชนทั้งสองประเทศ

โดยผู้นำของทั้งสองประเทศได้ร่วมกันเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ทั้งสองฝั่งโขงของสองประเทศ โดยบรรยากาศภายในพิธีเต็มไปด้วยความชื่นมื่นของประชาชนที่เดินทางมาร่วมเป็นสักขีพยานของทั้งสองฝั่งการจัดพิธีร่วม 6,000 คน และสำหรับโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพฯ แห่งที่ 5 นี้ การก่อสร้างยังคงถือว่ามีความคืบหน้าเป็นไปตามแผน และคาดว่าจะสามารถเปิดใช้งานได้อย่างแน่นอนในต้นปี 2567