ข่าวอัพเดทรายวัน

กาฬสินธุ์เร่งสูบน้ำท่วมถนนกาฬสินธุ์-ร้อยเอ็ดคืบ 80 เปอร์เซ็นต์

“วิรัช พิมพะนิตย์”ที่ปรึกษารมว.คมนาคมติดตามความคืบหน้าการกู้ถนนสายกาฬสินธุ์-ร้อยเอ็ด หลังถูกน้ำเอ่อท่วมขังนานกว่า 10 วัน โดยแขวงทางหลวงกาฬสินธุ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงเร่งสูบน้ำตลอด 24 ชั่วโมงเข้าสู่วันที่ 3 ระดับน้ำลดลงต่อเนื่องคืบหน้าไปมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว เบื้องต้นคาดหากไม่มีอุปสรรคเปิดให้รถยนต์วิ่งสัญจรได้ช่วงบ่ายวันนี้ ขณะที่หลายหน่วยงานระดมสูบน้ำออกสู่แม่น้ำชี ส่วนสถานการณ์หลายพื้นที่เริ่มคลี่คลาย

เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ถนนสายกาฬสินธุ์-ร้อยเอ็ด ช่วงบ้านหัวแฮด ต.ธัญญา อ.กมลาไสย ไปถึงบ้านท่ากลาง ต.เจ้าท่า อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ นายวิรัช พิมพะนิตย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการกู้ถนนหลังถูกมวลน้ำจากลำชีเอ่อท่วมขัง ตามข้อกำชับของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่มีความห่วงใยประชาชน พร้อมสั่งการให้กรมทางหลวงเร่งกู้สถานการณ์ให้กลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน โดยมีนางดวงตา พายุพล ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงกาฬสินธุ์ นายตรีรัตน์ หนูแก้วขวัญ ปภ.กาฬสินธุ์ เจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงกาฬสินธุ์ เจ้าหน้าที่ ปภ.กาฬสินธุ์ และผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รายงานสถานการณ์ โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่เร่งสูบน้ำตลอด 24 ชั่วโมง ระดับน้ำลดลงต่อเนื่อง คืบหน้าไปมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว เบื้องต้นคาดหากไม่มีอุปสรรคเปิดให้รถยนต์วิ่งสัญจรได้ช่วงบ่ายวันนี้ อย่างไรก็ตามยังมีชาวบ้าน ผู้ใช้รถใช้ถนน เดินทางมาเกาะติดสถานการณ์และรอลุ้นการเปิดเส้นทางด้วย

นายวิรัช พิมพะนิตย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ตามที่ได้เกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ส่งผลกระทบถึงพืชผลทางการเกษตร ที่พักอาศัยของพี่น้องประชาชนได้รับความเสียหาย รวมทั้งเส้นทางจราจรถูกน้ำท่วมขังสูง โดยเฉพาะช่วงบ้านหัวแฮด ต.ธัญญา อ.กมลาไสย ที่จะเดินทางระหว่าง จ.กาฬสินธุ์กับ จ.ร้อยเอ็ด รถยนต์ไม่สามารถสัญจรได้ ซึ่งนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีความเป็นห่วงประชาชน และได้กำชับให้ตนเข้ามาติดตามการแก้ปัญหาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อที่จะให้ประชาชนสัญจรไปมาสะดวกโดยเร็วที่สุด รวมทั้งให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้วย

โดยจากการที่ได้มาดูติดตามเห็นความพร้อมเพรียงของหลายหน่วยงาน ทั้งแขวงทางหลวงกาฬสินธุ์ ทางหลวงชนบท อบจ.กาฬสินธุ์ ปภ.กาฬสินธุ์ และผู้นำท้องถิ่น ที่พยายามกู้ถนนโดยนำเครื่องสูบน้ำมาช่วยกัน ทำให้ปัจจุบันระดับน้ำอยู่ที่ประมาณ 10-20 ซม. คาดว่าจะสามารถเปิดถนนให้รถสัญจรได้ตามปกติในเร็วๆนี้

ด้านนางดวงตา พายุพล ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดภาวะน้ำท่วมตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค.65 ที่ผ่านมา มีถนนที่อยู่ในความรับผิดชอบของแขวงทางหลวงกาฬสินธุ์ได้รับผลกระทบสายกาฬสินธุ์ – ร้อยเอ็ด 2 ช่วง คือ ถนนสาย 214 ระหว่างบ้านหัวแฮด-หนองบัว และแยกบ้านโจดไปบ้านท่ากลาง-ท่าเพลิง ทั้งนี้แขวงทางหลวงกาฬสินธุ์ ได้ร่วมกับหลายหน่วยงาน ระดมสรรพกำลังกู้ถนน โดยนำกระสอบบรรจุทรายมาวางเป็นกำแพงกั้นมวลน้ำ พร้อมนำเครื่องสูบน้ำสมรรถนะภาพสูงมาติดตั้ง และระดมสูบน้ำออกจากแนวถนนทั้งกลางวันกลางคืน โดยดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.65 ที่ผ่านมา เพื่อกู้ผิวจราจรให้เร็วที่สุด ซึ่งวันนี้เข้าสู่วันที่ 3 ล่าสุดระดับน้ำเริ่มลดต่ำลงตามลำดับ มีความคืบหน้าไปกว่า 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว ทั้งนี้จากระดับน้ำที่ลดลงจำเป็นต้องใช้เครื่องสูงน้ำขนาดเล็กช่วยสูบแทนเครื่องใหญ่ เบื้องต้นคาดหากไม่มีอุปสรรคเกิดขึ้น คาดว่าเปิดให้รถยนต์วิ่งสัญจรได้ช่วงบ่ายวันนี้

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการเร่งกู้ถนน จึงขอความร่วมมือผู้ใช้รถใช้ถนน โดยเฉพาะรถบรรทุกใหญ่ห้ามวิ่งผ่านเข้ามา เพราะจะทำให้กระสอบทรายที่วางกั้นมวลน้ำไว้เกิดการเคลื่อนตัว ซึ่งจะทำให้มวลน้ำที่สูบออกไปไหลย้อนกลับเข้ามาอีก
ขณะที่นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ รองผวจ.กาฬสินธุ์ รักษาราชการแทน ผวจ.กาฬสินธุ์ พร้อม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม โดยเข้าติดตามการสูบน้ำออกสู่แม่น้ำชี บริเวณบ้านแจ้งจม ต.เจ้าท่า อ.กมลาไสย ซึ่งขณะนี้ได้มีการตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ 6 เครื่อง เพื่อเร่งสูบน้ำ ที่ท่วมขังบ้านเรือนประชาชนในตำบลเจ้าท่า รวมทั้งพื้นที่การเกษตรออกสู่แม่น้ำชีโดยเร็วที่สุด

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ล่าสุดมีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆและหลายพื้นที่เริ่มคลี่คลาย เนื่องจากระดับน้ำลดลง บางหมู่บ้านน้ำแห้งเข้าภาวะปกติ ประชาชนทยอยกลับเข้าพักอาศัยในบ้านเรือนตนเองได้หลายครัวเรือนแล้ว ปัจจุบันยังอยู่ระหว่าง อปท. ในพื้นที่สำรวจข้อมูล เพื่อที่จะฟื้นฟูและเยียวยาต่อไป

ส่วนสถานการณ์อุทกภัยจากพนังกั้นลำน้ำชีขาดบริเวณ กม.6 บ้านสะดำศรี ต.ลำชี อ.ฆ้องชัย เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2565 ล่าสุดจากข้อมูลได้รับผลกระทบจำนวน 2 อำเภอ (อ.ฆ้องชัย และ อ.กมลาไสย ) จำนวน 7 ตำบล 41 หมู่บ้าน 2,147 หลังคาเรือน 7,089 คน วัด 12 แห่ง โรงเรียน 4 แห่ง คลี่คลายแล้ว 1 แห่ง (รร.บ้านเเวงประชารัตน์บำรุง) และ รพ.สต. 2 แห่ง (รพ.สต.ท่าเยี่ยม,รพ.สต.หนองบัว) ถนนจำนวน 10 สาย พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะได้รับความเสียหายจำนวน 26,158.50 ไร่ และด้านประมง 185.25 ไร่