ข่าวอัพเดทรายวัน

สภากาชาดไทยและองค์การกาแดงลาว หารือความร่วมมือดูแลประชาชน 2 ประเทศ ที่นครพนม

วันที่ 3 พฤศจิกายน 2565 ที่จังหวัดนครพนม นายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย เป็นประธานนำคณะผู้แทนเหล่ากาชาดจังหวัดที่มีพื้นที่ติดต่อกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เข้าร่วมการประชุมความร่วมมือระหว่างสภากาชาดไทยและองค์การกาแดงลาว กับท่านพูทอน เมืองปาก ประธานองค์การกาแดงแห่งชาติลาวและคณะ โดยมีผู้สังเกตการณ์จากกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศ คณะผู้แทนคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) และคณะผู้แทนสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ (IFRC) ร่วมประชุม

โดยการประชุมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ที่จัดขึ้น เพื่อร่วมกันทบทวนปรับปรุงบันทึกความเข้าใจ ว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสภากาชาดไทยและองค์การกาแดงลาว เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือสัมพันธภาพที่ดีและความยั่งยืนระหว่างสภากาชาดทั้งสองประเทศ (ฉบับใหม่) ที่คาดว่าจะสามารถลงนามความร่วมมือได้ในต้นปี 2566 รวมถึงเป็นการติดตามความคืบหน้าในการดำเนินงานร่วมกันในการปรับปรุงขีดความสามารถของทั้ง 2 องค์กรเพื่อส่งบริการด้านมนุษยธรรมและขยายบริการด้านมนุษยธรรมที่มีคุณภาพสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ให้กับประชาชนผู้ยากไร้ ผู้จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือของทั้ง 2 ประเทศ เกี่ยวกับงานด้านการบรรเทาทุกข์และการพร้อมรับภัยพิบัติ ซึ่งจะมีทั้งการจัดการภัยพิบัติ การเตรียมความพร้อมรับภัยพิบัติ การตอบโต้ภัยพิบัติ และการฟื้นฟูหลังภัยพิบัติ โดยมีการนำประเด็นปัญหาสภาพแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์ปัจจุบันมาประกอบการพิจารณาและระดมความคิดเห็นด้วย เพราะปัญหาดังกล่าวในช่วงหลังมีการเกิดภัยที่บ่อยมากยิ่งขึ้น มีความรุนแรงและยาวนานมากยิ่งขึ้น ทั้งยังก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินมากขึ้น กลายเป็นผลกระทบที่มีความซับซ้อนในหลากหลายมิติของงานด้านมนุษยธรรม ที่ไม่ใช่เฉพาะงานด้านการตอบโต้และฟื้นฟูภัยพิบัติ แต่ส่งผลต่อด้านสุขภาพกาย จิตใจ ความเป็นอยู่ในสังคม และด้านเศรษฐกิจด้วย นอกจากนี้ยังมีการหารือเกี่ยวกับงานด้านการบริจาคโลหิต งานด้านยุวกาชาดและอาสาสมัคร ด้านการส่งเสริมสุขภาพ และด้านการจัดหารายได้ ที่ทั้ง 2 องค์กรยังคงเป็นองค์กรที่แยกจากกันและเป็นอิสระต่อกัน แต่คงความเป็นอัตลักษณ์ในการให้บริการและเป็นผู้รับผิดชอบในการกำหนดนโยบายการดำเนินงานของสภากาชาดประเทศตนเอง โดยต้องปฏิบัติตามบรรทัดฐานและกฎหมายของประเทศเจ้าภาพ อันจะเป็นการก่อให้เกิดการดำเนินงานและการประสานงานที่มีประสิทธิภาพ เป็นการกระชับความสัมพันธ์ความร่วมมือระหว่างกันในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นในระดับส่วนกลางและในระดับพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่บริเวณจังหวัดและแขวงที่มีชายแดนติดต่อกัน