ข่าวอัพเดทรายวัน

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานผ้าพระกฐิน ให้สมาคมสโมสรพนักงานการบินไทยน้อมนำถวายพระสงฆ์จำพรรษาวัดพระธาตุพนม

วันที่ 5 พฤศจิกายน 2565 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานผ้าพระกฐิน ประจำปี 2565 ให้สมาคมสโมสรพนักงานการบินไทย น้อมนำไปถวายแด่พระสงฆ์จำพรรษาถ้วนไตรมาส ณ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ตำบลธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม โดยมีนายเชิดพันธ์ โชติคุณ ประธานเจ้าหน้าที่สายช่าง บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เป็นประธานในการประกอบพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทานเพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและพระอารามหลวง ตลอดจนเป็นการสืบทอดขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของไทย โดยมีคณะกรรมการ เจ้าหน้าที่ สมาคมสโมสรพนักงานการบินไทย และพุทธศาสนิกชนร่วมพิธีโดยพร้อมเพรียงกัน โดยเบื้องต้นมียอดจตุปัจจัยทำนุบำรุงพระอารามหลวงแห่งนี้ 1,272,600 บาท ถวายองค์ครอง 2,000 บาท ถวายพระคู่สวด 2,000 บาท ถวายพระอันดับ 3,500 บาท ถวายสามเณร 7,300 บาท ให้ทุนการศึกษาโรงเรียนวัดพระธาตุพนม 5,000 บาท ค่าอื่นๆ 30,600 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,323,000 บาท

สำหรับวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร เป็นวัดพระอารามหลวง ชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร ตั้งอยู่เลขที่ 183/13 ถนนชยางกูร ตำบลธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ปัจจุบันมีพระเทพวรมุนี ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 10 เป็นเจ้าอาวาส ทั้งนี้วัดพระธาตุพนมเป็นที่ประดิษฐานขององค์พระธาตุพนม ตั้งอยู่ห่างจากแม่น้ำโขงประมาณ 600 เมตร เป็นปูชะนีสถานที่คนไทยและคนลาวให้ความเคารพศรัทธา กราบไหว้สักการะมายาวนานนับหลายร้อยปี เป็นโบราณสถานที่กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 52 หน้า 3687 เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2478 และระวางแนวเขตพื้นที่ไว้ประมาณ 17 ไร่ 3 งาน 56 ตารางวา ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 96 ตอนที่ 160 หน้า 3217 เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2522 ซึ่งภายในบริเวณวัดมีโบราณวัตถุที่สำคัญหลายอย่างที่มีมาแต่ครั้งโบราณ เช่น บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ที่ใช้ประกอบพิธีสรงน้ำพิพัฒสัตยาของกษัตริย์ทุกรัชกาล กะตึบหรือที่พักของพระอรหันต์รูปต่าง ๆ ปัจจุบันพัฒนาเป็นเสนาสนะ เช่น หอพระนอน (พระปางไสยาส) ศาลาเจติยาภิรัตน์ นอกจากนี้ยังมีหลักศิลาและเสมาหินหรือที่เรียกเสาอินทขีล ที่มีตัวมอมเขียนเป็นปรัชญาสอนบุคคลที่จะเข้าวัดไปนมัสการพระธาตุพนมที่ต้องทำตัวให้สะอาด แต่งกายให้เหมาะสมกาลเทศะ โดยปัจจุบันวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหารแห่งนี้ กำลังอยู่ระหว่างการขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

โดยในตำนานอุรังคธาตุ บันทึกไว้ว่า พระมหากัสสปะได้นำพระบรมสารีริกธาตุ (กระดูกส่วนอก) ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาประดิษฐานไว้ที่ภูกำพร้า เมืองศรีโคตรบูร ซึ่งเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรศรีโคตรบูร จากนั้นได้ชักชวนเจ้าผู้ครองนคร ทั้ง 5 คือ พระยานันทะเสน เจ้าผู้ครองเมืองศรีโคตรบูร พระยาสุวรรณภิงคาร เจ้าผู้ครองเมืองหนองหานหลวง (สกลนคร) พระยาคำแดง เจ้าผู้ครองเมืองหนองหานน้อย (กุมภวาปี) พระยาอินทปัฐ เจ้าผู้ครองเมืองอินทปัฐถะ (กัมพูชา) และพระยาจุลณีพรหมทัต เจ้าผู้ครองเมืองปะกัน (เมืองเชียงขวาง หรือสิบสองจุไท) ให้ร่วมกันก่อสร้างพระเจดีย์ เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุขององค์พระพุทธเจ้าไว้เพื่อกราบไหว้บูชา และในกาลต่อมาเมื่อองค์พระธาตุพนมมีความทรุดโทรมพุทธศาสนิกชนทั้งหลายก็ได้ร่วมกันบูรณปฏิสังขรณ์เรื่อยมาตามยุคสมัย จนปัจจุบันมีลักษณะเป็นเจดีย์รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ก่อด้วยอิฐกว้างด้านละ 12.33 เมตร สูง 53.6 เมตร มีกำแพงล้อมองค์พระธาตุ 4 ชั้น และในวันเพ็ญเดือน 3 ถึงแรม 1 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี พุทธศาสนิกชนจะร่วมกันจัดงานประจำปี เพื่อเป็นการนมัสการองค์พระธาตุพนม