ข่าวอัพเดทรายวัน

บุรีรัมย์หนุ่มร้องถูกเสี่ยเจ้าของไร่อุ้มซ้อมกล่าวหาเอาน้ำกรดใส่แทงค์น้ำและต้นกัญชาสูญ 10 ล้านเสี่ยเผยดูแลเหมือนลูกหลานแต่เนรคุณ

หนุ่มวัย 31 ชาว อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ร้องถูกเสี่ยเจ้าของไร่กัญชาอุ้มซ้อมจับมือไพล่หลัง กล่าวหาแอบเอาน้ำกรดไปหยอดใส่ต้นกัญชาเสียหายเกือบ 10 ล้าน หนุ่มปฏิเสธไม่ได้ทำแต่เจ้าของซ้อมบังคับให้รับจึงต้องโกหกว่า ผญบ.จ้างให้ทำเพื่อเอาตัวรอด ขณะ ผญบ.ปัดไม่เกี่ยวข้อง ด้านเสี่ยรับทำร้ายจริงเพราะโมโหที่เอาน้ำกรดใส่แทงค์น้ำและต้นกัญชา เผยดูแลเหมือนลูกหลานแต่กลับเนรคุณ

(7 พ.ย.65) นายบุญส่ง เข็มทอง อายุ 31 ปี อดีตลูกจ้างไร้กัญชาแห่งหนึ่งใน ต.โคกว่าน อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาร้องเรียนขอความเป็นธรรม โดยอ้างว่าได้ถูกเสี่ยเจ้าของไร่กัญชาที่ตนเองไปทำงานอยู่ พร้อมญาติ และลูกน้อง รวม 3 คนอุ้มไปทำร้ายร่างกายในไร่ ทั้งชกต่อย เอาสายไฟฟ้าเฆี่ยนตีจนได้รับบาดเจ็บ และจับมือไพล่หลังซ้อมบังคับให้รับสารภาพ โดยนายบุญส่ง ยังได้โชว์ร่องรอยที่ถูกซ้อมทำร้ายร่างกายให้ผู้เสียข่าวดูด้วย เบื้องต้นได้แจ้งความที่ สภ.ละหานทรายแล้ว แต่เกรงไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะเสี่ยเจ้าของไร่เป็นผู้กว้างขวางในพื้นที่

นายบุญส่ง เล่าให้ฟังว่า วันที่ 2 พ.ย.65 ที่ผ่านมาขณะตนนั่งเล่นอยู่บ้าน ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์มาด้วยกัน 3 คน ขับรถยนต์กระบะ และรถเก๋งมาจอดที่หน้าบ้าน แล้วเข้ามาล็อกตัวอุ้มขึ้นรถกระบะไปที่ไร่กัญชาของนายศักดิ์ หรือเฮียศักดิ์ เจ้าของไร่กัญชาซึ่งเป็นนายจ้างที่ตนทำงานอยู่ เมื่อไปถึงก็รุมทำร้ายตนเองทั้งชกหน้าหลายครั้ง ใช้สายไฟฟ้าเฆี่ยนตี และจับมือไพล่หลังไม่ให้ดิ้นขัดขืน โดยกล่าวหาว่าตนแอบเอาน้ำกรดใส่ต้นกัญชาในไร่จนเสียหาย ซึ่งตนก็ยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนทำ แต่ก็ถูกบังคับให้ยอมรับว่าเป็นคนทำให้ได้ เขาทั้งซ้อมทั้งบังคับให้ยอมรับ ตนจึงคิดหาทางเอาชีวิตรอดเพราะกลัวจะถูกฆ่าทิ้ง จึงโกหกไปว่าผู้ใหญ่บ้านเป็นคนจ้างให้เอาน้ำกรดใส่ในต้นกัญชา เพื่อให้ตนรอดจากการทำร้าย พอซ้อมเสร็จเขาก็เอาตัวไปส่งที่โรงพัก จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนกลัวมากอยากให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังไร่กัญชา ก็พบนายศักดิ์ พันธ์ยา อายุ 46 ปี เจ้าของไร่ ที่ถูกกล่าวหาว่าอุ้มลูกน้องไปทำร้าย บอกว่า ตนจดทะเบียนปลูกกัญชา 2 ไร่ ทำมาประมาณ 3 ปีแล้ว ส่วนนายบุญสาง หรือต้อ เพิ่งเข้ามาทำงานได้ 1 ปี และก่อนเกิดเหตุเขาหายหน้าไปเลย 1 สัปดาห์ หลังจากที่ต้นกัญชาในไร่มีร่องรอยถูกน้ำกรดหยอดจนเสียหาย จึงคิดว่าเป็นฝีมือนายต้อ เพราะนายต้อ เป็นคนถือกุญแจและเป็นคนตัดกิ่งรวมถึงฉีดน้ำทุกอย่าง เขาจะเป็นคนทำคนเดียวถ้าไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใคร ก็ให้นักวิชาการมาช่วยตรวจสอบก็ระบุว่าเป็นน้ำกรด และไม่ใช่แค่ต้นกัญชาที่ถูกน้ำกรด แทงค์น้ำก็มีน้ำกรดด้วย ซึ่งหากตนหรือคนในครอบครัวไม่รู้ก่อนแล้วบังเอิญไปเปิดน้ำใช้ก็จะเป็นอันตราย ส่วนที่เขาไปแจ้งความว่าตนอุ้มมาซ้อมนั้นไม่เป็นความจริง ตนแค่ไปรับตัวมาเพื่อพูดคุยว่าได้แอบเอาน้ำกรดใส่ต้นกัญชาหรือไม่ เพราะอะไรหลายๆ อย่างมันชี้ไปที่ตัวนายต้อ และเขาก็ทำตัวมีพิรุธมาก แต่พอรับตัวมาคุยก็ไม่ยอมรับด้วยความโมโหก็มีลงไม้ลงมือบ้าง ส่วนที่ถูกแจ้งความกล่าวหาก็ว่ากันไปตามพยานหลักฐาน แต่ที่ตนเสียความรู้สึกคือรับเข้ามาทำงานดูแลเหมือนลูกหลานแต่กลับมาเนรคุณ เอาน้ำกรดมาใส่น้ำและกัญชาตนรับไม่ได้

ด้านนายเจือน แมลงพันธ์ ผู้ใหญ่บ้านโคกว่าน บอกว่า วันเกิดเหตุตนไปดูไปธุระ มาทราบภายหลังว่ามีเหตุทำร้ายลูกบ้าน จึงเดินทางไปที่โรงพักก็เจอคู่กรณีทั้งสองฝ่ายด้วย ส่วนที่นายต้อ กล่าวอ้างว่าตนจ้างให้เอาน้ำกรดไปใส่ไร่กัญชาเพื่อเอาตัวรอดนั้น ตนยืนยันว่าไม่เกี่ยวอะไร แต่หากมีการพาดพิงให้ตรเสียหายก็จะฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมาย

อย่างไรก็ตามหลังมีการแจ้งความร้องทุกข์ ทางพนักงานสอบสวน สภ.ละหานทรายก็ได้เรียกทั้งสองฝ่ายมาสอบปากคำแล้ว เบื้องต้นได้แจ้งข้อหากล่าวหาเจ้าของไร่ 3 ข้อหา คือ “กักขังหน่วงเหนียว , บุกรุก และทำร้ายร่างกาย” อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานสรุปสำนวนส่งอัยการตามขั้นตอน