ข่าวอัพเดทรายวัน

กองทุนฯ เงินออมวันละบาท ต.คำเตย จ.นครพนม ทำเงินหาย หลังชาวบ้านกว่า 800 ราย ขอถอนเงิน แต่ บ่จี๊

ที่สำนักงานกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดนครพนม ชั้น 3 อาคารศาลากลางหลังเก่า ตัวแทนของสมาชิกกองทุนสวัสดิการชุมชน ต.คำเตย อ.เมือง จ.นครพนมกว่า 10 คน เดินทางมายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ พ.อ. สมหมาย บุษบา รอง ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดนครพนม รอง ( กอ.รมน) หลังพบว่าไม่สามารถถอนเงิน ที่ฝากไว้กับกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลคำเตยได้ โดยคณะกรรมการกองทุนอ้างว่าไม่มีเงินเหลือให้ถอนได้อีกทั้ง ๆ ที่สมาชิกก็ไม่เคยถอนเงินที่ฝากนี้เลย โดยโครงการดังกล่าวมีสมาชิกเป็นชาวบ้านจาก 18 หมู่บ้านในตำบลคำเตย เป็นสมาชิกกองทุนรวมกว่า 800 คนและได้เปิดดำเนินการมาแล้วกว่า 15 ปี มีมูลค่าเงินรวมทั้งสิ้นกว่า 7 ล้านบาท

นางกรรมิกา (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี ชาวบ้านหนองยาว ตำบลคำเตย อ.เมือง จ.นครพนม กล่าวว่าเหตุที่มาร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือจาก กอ.รมน. โดยก่อนหน้านี้กลุ่มสมาชิกได้เคยไปร้องขอความช่วยเหลือกับศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครพนมแล้ว โดยทางศูนย์ดำรงธรรมแนะนำให้ไปพบกับยุติธรรมจังหวัด และช่วยหาทนายความฟ้องคดีแพ่งเรียกเงินคืนให้กับชาวบ้าน โดยเสียค่าทนายความไปแล้วกว่าสามหมื่นบาทแต่คดียังไม่รุกคืบไปถึงไหน ประกอบกับพวกตนเห็นว่าเหตุการณ์นี้น่าจะเข้าข่ายการฉ้อโกงประชาชน จึงนำเรื่องดังกล่าวนี้เข้าหารือกับ กอ.รมน. ซึ่งท่านก็เห็นด้วยว่าเข้าข่ายฉ้อโกงจึงแนะนำให้ไปแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เมืองนครพนม เพื่อดำเนินคดีอาญากับคณะกรรมการของกองทุนฯทั้งหมดก่อน ส่วนการสอบสวนจะพาดพิงถึงใครบ้างค่อยมาว่ากันอีกครั้งหนึ่ง โดยเริ่มแรกกองทุนฯ นี้ได้เริ่มก่อตั้งเมื่อราว ๆ ปี 2550 ตอนนั้นมีเจ้าหน้าที่ของพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครพนมร่วมกับ อบต. คำเตย ช่วยร่วมกันรณรงค์ให้มีการออมของชาวบ้านในแต่ละหมู่บ้าน มีการอ้างว่าเมื่อเข้าร่วมแล้วจะมีสวัสดิการมากมายให้ โดย จัดให้มีการออมเงินคนละ 1 บาท ทุกวัน และจะมีกรรมการกองทุนไปเก็บเงินเดือนละ หนึ่งครั้ง จากสมาชิกแล้วนำส่งให้กับประธานกองทุนเพื่อเก็บรักษาไว้เป็นเงินฝาก ซึ่งหากต้องการถอนเงินเมื่อไหร่ก็สามารถถอนได้ทันที โดยทางกองทุนจะจัดทำสมุดรับฝากเงินให้กับสมาชิกทุกคน เพื่อให้สามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลาว่าตนเองมีเงินฝากแล้วจำนวนเท่าไหร่ ซึ่งตนเองก็เข้าร่วมกับโครงการนี้ตั้งแต่แรกจนถึงปัจจุบัน ตนและสมาชิกในครอบครัวมีสมุดเงินฝากกับกองทุนนี้รวมทั้งสิ้น 8 เล่มรวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 3 หมื่นกว่าบาทโดยทำการฝากเงินมาอย่างต่อเนื่องไม่เคยถอนเลยตลอดระยะเวลาประมาณ 15 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งกองทุนเป็นต้นมา จนกระทั่งเมื่อต้นปี 2565 มีสมาชิกต้องการขอถอนเงินในบัญชีของตน โดยแจ้งแก่คณะกรรมการบริหารกองทุน แต่ทางผู้บริหารกองทุนไม่สามารถให้เบิกได้โดยอ้างว่าเงินดังกล่าวถูกใช้ไปจนหมดแล้วไม่มีเงินเหลืออยู่เลยจึงไม่สามารถหาเงินมาให้ถอนได้ พวกตนจึงพากันไปร้องต่อนายก อบต.คำเตย คือนายไพศาล เคนจันทร์ ให้ช่วยดำเนินการ แต่ทางนายกอบต.คำเตย กลับบอกว่าทาง อบต.คำเตยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับทางกองทุนฯดังกล่าวแล้วตั้งแต่ได้ก่อตั้งกองทุนมาได้เพียงสามปี เนื่องจากทางคณะกรรมการของกองทุนไม่ปฎิบัติตามระเบียบทางอบต.จึงได้ถอนตัวออกมาตั้งแต่สามปีแรกแล้ว พวกตนจึงได้รวบรวมผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนมาร้องทุกข์กับหน่วยงานที่ควบคุมดูแลกองทุนดังกล่าวเรื่อยมาแต่ยังไม่เป็นผลโดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาร่วม15ปี มีสมาชิกกว่า 800 ราย เฉลี่ยมีเงินออมไว้กับโครงการดังกล่าวตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 5,000 บาท จากชาวบ้านจำนวน 18 หมู่บ้าน ในตำบลคำเตย มี มูลค่ารวมกว่า 7 ล้านบาท

ส่วนนายทรัพย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 30/2 บ้านหนองดินแดง ต.คำเตย อ.เมือง จ.นครพนม เปิดเผยว่า ตนและสมาชิกในครอบครัวมีบัญชีเงินฝากกับกองทุน นี้ รวม 7 เล่ม มีเงินฝากรวมทุกบัญชี ประมาณ 3 หมื่นกว่าบาท เมื่อมาทราบเรื่องว่าน่าจะถูกโกง ก็ต่อเมื่อหลานเรียนจบชั้นประถมแล้วจะต้องการไปเรียนต่อระดับชั้นมัธยมในเมืองซึ่งต้องใช้เงินเพิ่มขึ้น จึงต้องการถอนเงินที่ออมไว้กับกองทุนมาเกือบ 15 ปี เพื่อนำมาใช้ แต่พอไปถอนเงินทางผู้บริหารกองทุนฯดังกล่าวกลับบอกว่าเงินหมดแล้วไม่มีเหลือให้สามารถถอนได้ ตนจึงร้อนใจชวนเพื่อนบ้านไปติดต่อสอบถามกับทางประธานกองทุนคือนายรินทร์ (สงวนนามสกุล) ว่าเงินหายไปไหนหมดก็ได้รับคำตอบว่าเงินถูกนำไปใช้จ่ายกับการช่วยงานศพสมาชิกบ้างจ่ายช่วยเหลือสมาชิกยามเจ็บป่วยบ้าง และบางส่วนก็ได้นำไปซื้อคุรุภัณฑ์เช่นตู้เก็บเอกสารบ้าง จนขณะนี้หมดไม่มีเหลือแล้ว เมื่อตนเห็นว่า เงินฝากของตนที่ฝากไว้กับกองทุนน่าจะถูกนำไปใช้หมดแล้วจึงชักชวนสมาชิกที่เดือดร้อนมาร้องเรียนกับ กอ.รมน. เนื่องจากเห็นว่าเป็นทหารน่าจะสามารถช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนได้

ด้าน พ.อ.สมหมาย บุษบา รอง ผอ.กอ.รมน. จังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า หลังรับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านแล้ว เบื้องต้นตนเห็นว่าเข้าข่ายการยักยอกทรัพย์ หรือการฉ้อโกงประชาชน เนื่องจากมีผู้ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนหลายร้อยคน จึงได้ทำหนังสือส่งเรื่องไปยัง สภ.เมืองนครพนม ให้ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนไปแจ้งความร้องทุกข์ไว้ก่อนเพื่อให้พนักงานสอบสวนเรียกตัวผู้เสียหายมาสอบปากคำโดยละเอียดอีกครั้งเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดต่อไป

โดยจากรายงานการติดตามผลการดำเนินงานของกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลคำเตย ของสวัสดิการชุมชนจังหวัดนครพนมลงวันที่ 22 ตุลาคม 2564 ระบุว่ากองทุนดังกล่าวตั้งอยู่ที่บ้านเลขที่ 211 หมู่ 1 บ้านหนองดินแดง ตำบลคำเตย อ.เมือง จ.นครพนม ก่อตั้งเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2550 ได้รับการสนับสนุนโดยสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 7 จังหวัดกาฬสินธุ์ (สสว. 7) ร่วมกับสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดนครพนม มีนายรินทร์ (สงวนนามสกุล) เป็นประธาน กองทุน มีสมาชิก จำนวน 1,450 คน ซึ่งกองทุนดังกล่าวมีแหล่งที่มาของเงินกองทุน คือ1.เงินออมสัจจะ วันละ 1 บาทจากสมาชิก 2. เงินที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชน 3.เงินสมทบจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ 4. เงินจากองค์กรชุมชนที่รวมกลุ่มกันแล้วนำเงินมาสมทบ

รายงานดังกล่าวยังระบุอีกว่า สถานะทางการเงินของกองทุน ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนถึง ณ เดือนกันยายน 2564 กองทุนมีเงินรายได้ทั้งสิ้น 7,154,477 บาท (เจ็ดล้านหนึ่งแสนห้าหมื่นสี่พัน สี่ร้อยเจ็ดสิบเจ็ดบาท) โดยแบ่งรายรับจากเงินออมของสมาชิก 5,869,757 บาท เงินสมทบจากรัฐบาลผ่านสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน จำนวน 3 ครั้ง เป็นเงิน 1,134,720 บาท และเงินสมทบจากองค์การบริหารส่วนตำบล คำเตยอีก 150,000 บาท

ส่วนรายจ่ายของกองทุนมี 1.จ่ายสวัสดิการกรณีคลอดบุตร ไม่ระบุจำนวนว่ามีกี่ราย เป็นเงิน 215,500 บาท 2. จ่ายสวัสดิการกรณีผู้สูงอายุ (เงินขวัญถุง) ไม่ระบุจำนวนว่ามีกี่ราย เป็นเงิน 199,200 บาท 3. จ่ายสวัสดิการช่วยเหลือยามเจ็บป่วย 670 รายเป็นเงิน 242,900 บาท 4. จ่ายสวัสดิการกรณีเสียชีวิต 304 ราย เป็นเงิน 3,109,690 บาท 5. จ่ายเงินคืนสมาชิกกรณีลาออก 1,124 ราย เป็นเงิน 3,114,702 บาท 6. จ่ายค่าพาหนะ ในการเดินทางไปฝากเงินและไปประชุม สัมมนา เป็นเงิน 37,255 บาท และ 7. จ่ายค่าครุภัณฑ์ เป็นเงิน 71,950 บาท รวมรายจ่ายทั้งสิ้น 6,991,197 บาท คงเหลือเงินในบัญชีเงินฝากของกองทุน 4,192.62บาท โดยรายงานดังกล่าวยังระบุอีกว่ากองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลคำเตย ไม่สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้เนื่องจากประสบปัญหาด้านการเงิน และคณะกรรมการบริหารกองทุนไม่จัดทำสรุปผลการดำเนินงานประจำปีทำให้ไม่อาจทราบรายรับและรายจ่ายของกองทุนได้อย่างชัดเจนมีการอ้างจ่ายเงินคืนสมาชิกโดยไม่มีหลักฐานใด ๆมาแสดง จึง มีความเห็นให้ชะลอการดำเนินงานของกองทุนสวัสดิการชุมชนคำเตยไว้ก่อน