ชาวนาวัย 55 ปี ระทมมองดูไฟไหม้ ฟางข้าวกว่า 200 ก้อน ในโรงเก็บฟางของตนเองจนวอด หลังเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จ อัดฟางไว้หวังเอาไว้ขายเก็บทำทุนใช้จ่ายในครอบครัว สูญเงินนับหมื่น ไฟไหม้ฟางข้าวที่เก็บไว้หมด
วันที่ 29 มกราคม 2566 เวลาประมาณ 11.30 น. เจ้าหน้าที่ดับเพลิงงานป้องกันสาธารณภัยของเทศบาลลำดวนสุรพินท์ อ.ลำดวน จ.สุรินทร์ รับแจ้งจากนายศรี เสาใย(เจ้าของบ้าน) อายุ 55 ปี หมู่ 5 บ้านตาปุ่ม ต.ตะเปียงเตีย อ.ลำดวน จ.สุรินทร์ ว่าเกิดเหตุไฟไหม้อย่างรุนแรงที่โรงเก็บฟางข้าว ของจึงประสานรถดับเพลิง, อบต ตะเปียงเตียและอาสาสมัครกู้ภัยสุรินทร์จุดลำดวน เร่งสนับสนุนและให้การช่วยเหลือที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุบ้านเลขที่169 บ้าน ตาปุ่ม ต.ตะเปียงเตีย ฟางจำนวน 200 ก้อน บ้านติดถนน เส้นทางมุ่งหน้า อบต ตะเปียงเตีย เมื่อเจ้าหน้าที่ดับเพลิงไปถึงที่เกิดเหตุ พบไฟกำลังโหมลุกไหม้โรงเก็บฟางอย่างรุนแรง รถน้ำ 1 คัน ระดมฉีดน้ำสกัดพร้อมกันนี้ชาวบ้านใกล้กันก็ช่วยกันดับไฟ เพื่อไม่ให้ลุกลามไปยังบ้านพื้นที่ใกล้เคียง ทราบต่อมาเจ้าของโรงเก็บฟาง โดยมีนายศรี เสาใย(เจ้าของบ้าน) อายุ 55 ปี หมู่ 5 บ้านตาปุ่ม ต.ตะเปียงเตีย อ.ลำดวน จ.สุรินทร์ กำลังยืนมองไฟไหม้โรงเก็บฟางของตนเอง ด้วยความเสียดาย และเสียใจ
สอบถามนายศรี เสาใย(เจ้าของบ้าน) เล่าว่า หลังเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จ ตนได้อัดฟางก้อนไว้ที่ทุ่งนา พึ่งทยอยขนฟางที่อัดเป็นก้อนไว้ มาเก็บในโรงเก็บฟางแห่งนี้เสร็จก็กลับไปอยู่บ้าน ตอนเกิดเหตุตนไม่อยู่บ้านได้มีชาวบ้านใกล้เคียงโทรมาแจ้งว่าไฟไหม้โรงเก็บฟาง จึงรีบมาดูก็แทบจะล้มทั้งยืน ไฟโหมลุกไหม้ฟางอัดก้อน ซึ่งมีกว่า 200 ก้อน เป็นมูลค่านับหมื่นบาท เพราะตอนนี้ฟางอัดก้อน ขายก้อนละ 50 บาท ที่ตนเองเก็บไว้ หวังจะเก็บเอาไว้ขาย เพื่อทำทุนใช้จ่ายในครอบครัว แต่ไม่คิดว่าจะมาเกิดเหตุไฟไหม้จนไม่เหลือแบบนี้ ตนเองรู้สึกเสียดายและเสียใจ ตนนั้นพึ่งสร้างโรงเก็บฟางเสร็จ ไฟไหม้ฟางข้าวที่อัดเก็บไว้หวังเอาไว้ขาย จนไม่เหลือ
ด้านนายชัยธัช หวังสม นายกเทศมนตรีตำบลลำดวนสุรพินท์ ฝากเตือน เกษตรกรทั้งที่ทำนา และทำไร่อ้อยว่า ช่วงนี้หน้าแล้ง ลมแรง โดนไฟนิดเดียวก็เกิดลุกลามได้ง่าย และก็เกิดอันตรายกับบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ใกล้เคียง อยากให้ระมัดระวัง ช่วยเป็นหูเป็นตา ในเรื่องการจุดไฟ หรือทำให้เกิดประกายไฟต่างๆ รวมถึงการเผาตอฟางข้าวซึ่งจะลุกลาม เหมือนเช่นทุกปีที่ผ่านมา