ข่าวอัพเดทรายวัน

สุรินทร์ หน่วยผ่าตัดต้อกระจกเคลื่อนที่ รพ.จักษุบ้านแพ้ว ผ่าตัดต้อกระจกให้แก่ผู้สูงอายุและผู้ยากไร้

หน่วยผ่าตัดต้อกระจกเคลื่อนที่โรงพยาบาลจักษุบ้านแพ้ว มาที่โรงพยาบาลจอมพระ อ.จอมพระ จ.สุรินทร์ มอบแสงสว่างแก่ดวงตาในการผ่าตัดต้อกระจกให้แก่ผู้สูงอายุและผู้ยากไร้และขาดแคลนในพื้นที่ห่างไกล ได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติและมีความสุขได้อีกครั้ง เพื่อเป็นพลังเสริมสร้างชีวิต สร้างสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่คนไทย

วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2566 ที่โรงพยาบาลจอมพระ อ.จอมพระ จ.สุรินทร์ หน่วยผ่าตัดต้อกระจกเคลื่อนที่โรงพยาบาลจักษุบ้านแพ้ว โดยมี แพทย์หญิงพัทธ์ศรัณย์ ธนะสุพรรณ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจักษุบ้านแพ้ว พร้อมทีมงานกว่า 30 คน เดินทางมาดำเนินการผ่าตัดต้อกระจก มีผู้เข้าร่วมโครงการ มากกว่า 150 ราย ซึ่งมีมูลนิธิไลออนส์ในประเทศไทย, สโมสรไลออนส์รัชโยธินกรุงเทพ ภาค 310 E, สโมสรไลออนส์สุรินทร์, และสโมสรไลออนส์ราชสีมา, ในการสนับสนุนเครื่องนอนจำนวน 200 ชุด และอาหารให้กับผู้ป่วยและญาติตลอดโครงการ

นอกจากนี้หน่วยผ่าตัดต้อกระจกเคลื่อนที่ขอขอบคุณ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.), สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์, ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจอมพระ และทีมอาสาสมัครสาธารณสุข และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในพื้นที่อำภอจอมพระ จ.สุรินทร์, มูลนิธิสุทธิรัตน์ อยู่วิทยา สายการบินไทยแอร์เอเชีย รวมถึงผู้สนับสนุนในการร่วมปฏิบัติภารกิจช่วยให้ชาวอำเภอจอมพระ ได้รับการผ่าตัดเร็วขึ้น สร้างโอกาสในการมองเห็นในครั้งนี้อีกด้วย

แพทย์หญิงพัทธ์ศรัณย์ ธนะสุพรรณ ผู้อำนวยการศูนย์จักษุและต้อกระจก โรงพยาบาลบ้านแพ้ว กล่าวว่า “คุณหมอที่มาร่วมออกหน่วยผ่าตัดเคลื่อนที่ล้วนมีจิตอาสาที่ตั้งใจมาช่วยผู้ป่วย แม้รู้มาก่อนหน้าแล้วว่าจะต้องเสียสละเวลาส่วนตัว แต่ทุกคนก็มีความสุข ทุกครั้งที่ออกหน่วย จะได้เจอกับคนไข้บางคนที่มีอาการหนัก มองไม่เห็นทั้งสองข้าง บางคนอยู่ในโรคมืดมานานพอผ่าตัดแล้ว ก็กลับมามองเห็นอีกครั้ง

ซึ่งทุกคนจะดีใจมากที่ได้กลับมามองเห็นอีกครั้ง การผ่าตัดต้อกระจกไม่ได้เปลี่ยนแค่ชีวิตของคนไข้ แต่เปลี่ยนชีวิตของคนรอบข้างที่ต้องคอยดูแลเค้าด้วย เพราะการผ่าตัดทำให้คนไข้กลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ คนรอบข้างที่เคยช่วยดูแล ก็สามารถไปทำงานของตนได้โดยหมดกังวล

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากทางโครงการสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยได้เพียงจำนวนหนึ่ง จึงต้องมีการคัดเลือกให้ผู้ป่วยที่มีความเร่งด่วนได้รับการรักษาก่อน ส่วนผู้ที่มีความเร่งด่วนน้อยกว่าต้องรอเข้ารับการผ่าตัดในรอบต่อไป โดยการสนับสนุนจากภาคเอกชนจะเป็นอีกหนึ่งแรงสำคัญที่จะช่วยขยายโอกาสในการเข้ารับการรักษาและช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยเพิ่มมากขึ้น”ต่อไป