ข่าวอัพเดทรายวัน

มุกดาหาร ลูกหนี้พูดทั้งน้ำตา วอนเจ้าหนี้อยากได้บ้านคืนให้แม่ที่ป่วยได้พักอาศัย

ลูกหนี้พูดทั้งน้ำตา วอนเจ้าหนี้ให้ความเมตตา ให้ไถ่ถอนบ้านที่ทำสัญญาขายฝากไว้ อยากได้บ้านคืนให้แม่ที่ป่วย วอนผู้ใหญ่ช่วยไกล่เกี่ยกับเจ้าหนี้ให้ด้วย

เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟสบุ๊คชื่อ เปรมิกา ไม้แก้ว ได้โพสต์ข้อความว่า ช่วยแชร์ให้ติ๊กหน่อยนะค่ะ #เรื่องขึ้นศาลชั้นต้นแล้ว ไม่มีนายทุนคนไหนรับขายฝากแล้วเอาบ้าน ติ๊กขอซื้อคืนเขามาตลอด ที่ดินติดน้ำโขงผืนนี้แม่ของติ๊กซื้อไว้นานมากแล้ว แม่ของติ๊กได้แบ่งที่ดินให้น้องสาวของแม่ 5 เมตร สร้างตึกพาณิชย์1ห้องและแบ่งให้ติ๊ก 15 เมตร สร้างตึกพาณิชย์2ห้องเพื่อให้แม่อยู่อาศัยในยามแก่ชรา
โฉนดตอนนั้นเป็น นส.3ก ยังไม่สามารถแบ่งได้ จึงได้ยกให้เป็นชื่อของติ๊กก่อน ติ๊กเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวเลี้ยงลูกสองคน ลูกสาวคนโต 12 ขวบ ลูกชายคนเล็ก 8 ขวบ และเลี้ยงดูแม่ที่แก่ชราทำงานไม่ได้ ติ๊กเป็นแม่ค้าขายปลานิลและปลาน้ำโขงที่ตลาด ติ๊กมีเงินหมุนอยู่ก้อนหนึ่งในการทำธุรกิจ ติ๊กเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุนที่จะสามารถกู้ธนาคารสร้างบ้านได้ จึงใช้เงินหมุนธุรกิจเข้าไปสร้างบ้านพร้อมกับตั้งวงแชร์เพื่อหาเงินมาสร้างบ้าน หลังจากสร้างบ้านไปได้ประมาณครึ่งนึง ติ๊กประสบปัญหาทางธุรกิจเหมือนคนอื่นๆในยุคโควิด ร้านอาหารถูกสั่งปิด เปิดขายไม่ได้ กระทบกับธุรกิจของติ๊กอย่างมาก บ้านที่สร้างไปก็ยังไม่เสร็จ ติ๊กต้องการกู้เงินมาหมุนธุรกิจและสร้างบ้านต่อให้เสร็จ แต่ไม่สามารถกู้ธนาคารได้เพราะค้าขายเป็นเงินสดเป็นหลัก ไม่เคยเดินสเตทเม้นท์จึงกู้ยืมได้ยาก จึงเข้าไปหานายทุนและถูกชักชวนให้ทำขายฝากในที่ดินแปลงนี้ นายทุนซึ่งดูเป็นคนใจดีเป็นคนบ้านใกล้เรือนเคียงเสนอให้ทำขายฝากหนึ่งปี ติ๊กทำขายฝากกับเขา 3,000,000 บาทแต่ได้เงินจริงๆเพียง 2,600,000บาท ติ๊กใช้เงินส่วนนี้จ่ายผู้รับเหมาสร้างบ้านเป็นหลัก และใช้เงินจากวงแชร์เข้าสร้างบ้าน แต่ยุคโควิดใครใครก็เกิดปัญหา วงแชร์ที่ติ๊กเป็นคนตั้ง ก็เกิดปัญหา วงแชร์ล่ม มีคนหนีหายซึ่งติ๊กต้องรับผิดชอบ แล้วก็เกิดคดีความเกิดขึ้น เพราะตอนที่ติ๊กไปขายฝากที่ดินให้กับนายทุน เป็นที่ดินที่ยังไม่ได้แบ่งให้กับน้องสาวของแม่ เพราะเป็น นส.3ก จึงยังแบ่งไม่ได้ แต่ติ๊กก็ได้บอกกับนายทุนไว้ก่อนแล้วว่าติ๊กเอาเข้าขายฝากแค่ส่วนของติ๊กซึ่งเรื่องนี้นายทุนก็ทราบดี นายทุนกับติ๊กเซ็นยินยอมแบ่งที่ดินผืนของน้องสาวของแม่ติ๊กออกให้

นายทุนใช้คำพูดฉ้อฉลว่า เขาไม่ได้อยากได้บ้าน เขาอยากได้แต่เงินทุนคืนกับดอกเบี้ย ซึ่งเขาจะได้ดอกเบี้ยก็ตอนเขาขายบ้านคืนให้ติ๊ก เค้าให้เวลาติ๊กอีกหนึ่งปี โดยรับปากกับติ๊กว่าจะไม่ขายบ้านหลังนี้ให้ใครนอกจากติ๊ก ให้ติ๊กมีเวลาไปเดินสเตทเม้นท์เพื่อกู้ซื้อบ้านคืนจากเขา เขาทำให้ติ๊กเชื่อใจเขา ติ๊กก็ใช้เวลาทำบัญชีรายรับรายจ่ายเดินสเตทเม้นท์ ติดต่อธนาคารเพื่อขอเข้ากู้ซื้อบ้านคืนจากนายทุน แต่แล้วนายทุนกลับหักหลัง บิดเบือนคำพูด ไม่ยอมสัญญาเซ็นซื้อขายบ้านคืนให้ หลบหนีการพูดคุย บ้างก็อ้างไม่มีเวลา บล็อกเบอร์ติ๊ก อ้างว่าเงินทุนไม่ใช่ของเขาคนเดียว เป็นของน้ากุ๊กไก่ ที่ทำโรงงานเส้นอยู่อุบล เดี๋ยวเค้าจะนัดวันเวลาให้คุยกับน้ากุ๊กไก่ให้ สุดท้ายก็ผลัดไปเรื่อย ๆ สามีของน้ากุ๊กไก่โทรมาคุยกับติ๊ก พูดจาว่าบ้านหลุดไปแล้วจะเอาอะไรอีก ติ๊กพยายามอธิบายว่าพี่แก้วให้เวลาติ๊กอีก 1ปีเดินสเตทเม้นท์กู้ซื้อบ้านคืน แต่เหมือนพี่เค้าจะไม่ฟังอะไรเลย พอโทรไปคุยกับน้ากุ๊กไก่ก็บอกให้ไปคุยกับแก้ว พอคุยกับพี่แก้วก็โยนบอกให้ไปคุยกับน้ากุ๊กไก่ ติ๊กได้แต่ร้องไห้ไม่รู้จะทำยังไงดี ติ๊กพยายามขอซื้อคืนตามที่พี่แก้วสัญญาทั้งกราบวิงวอนทั้งพาแม่ไปขอร้อง แม่ติ๊กร้องไห้แล้วร้องไห้อีก แก้วเคยสัญญากับแม่ไว้ ไปดักรอเจอพี่แก้วที่หน้าบ้านวันละห้ารอบเพื่อหวังจะคุยกับพี่แก้วให้ช่วยติ๊กหน่อย โรคประจำตัวไมเกรนของติ๊กก็ขึ้นวันเว้นวัน ทุกครั้งที่ไมเกรนขึ้นติ๊กอ้วกเป็นสิบ ๆ รอบ ติ๊กพยายามรักษาสัญญาที่พี่แก้วให้ไว้กับติ๊กว่าให้เวลาหนึ่งปี แต่พี่แก้วกลับฟ้องขับไล่ติ๊กออกจากบ้าน จากนายทุนใจดีกลายเป็นนายทุนฉ้อฉล พี่แก้วเคยรับปากเคยสัญญากับแม่ของติ๊กไว้ว่าจะไม่เอาบ้านของติ๊กจะขายคืนให้ติ๊กเพียงคนเดียว
ตอนนี้แม่ของติ๊กป่วยหนักเข้าแอดมิดโรงบาลอยู่แผนกจิตเวชเพราะเครียดเรื่องบ้านความดันของแม่ขึ้นสูงอยู่ตลอด 150 ถึง 200 กินไม่ได้นอนไม่หลับเข้าออกโรงพยาบาลแอดมิดโรงพยาบาลอาทิตย์เว้นอาทิตย์ เงินที่ติ๊กได้จากขายฝากก็เอาไปสร้างบ้านไปหมดแล้ว แถมติ๊กยังติดหนี้ลูกแชร์อีกหลายแสน พี่แก้วไม่สงสารไม่เห็นใจติ๊กบ้างหรอ ทำกับติ๊กได้ลงคอ ทำกับแม่ติ๊กได้ลงคอ ทำกับลูกลูกของติ๊กได้ลงคอความยุติธรรมอยู่ที่ไหน สถานีตำรวจ ไปร้องศูนย์ดำรงธรรม ศาลากลางจังหวัด เขาแนะนำให้ติ๊กสู้บนชั้นศาล แต่นายทุนเปิดเกมยื่นฟ้องขับไล่ติ๊กออกจากบ้าน ติ๊กถูกยื่นฟ้องขับไล่ในศาลชั้นต้น ฝ่ายนายทุนฉ้อฉล เตรียมเอกสารมาดี พยานปากเปล่าที่ได้ยินที่ได้ฟังว่าเขาให้เวลาอีกหนึ่งปีจะขายคืนให้ติ๊กติ๊กก็มี ติ๊กหวังฟ้าจะมีตา สวรรค์จะเป็นใจ ช่วยให้ติ๊กได้บ้านคืน แต่คำตัดสินของศาลเหมือนสายฟ้าฟาดลงมากลางหัวใจของคนในครอบครัวติ๊ก คำพิพากษายืนยันตามเอกสารให้ขับไล่ติ๊กออก ค่าทนายติ๊กก็เสียไปอีกสองแสน ตอนนี้ถ้าติ๊กจะสู้ต่อบนศาลอุทธรณ์ก็ต้องไปเป็นหนี้มาอีกสองแสน แล้วถ้าศาลฎีกา ติ๊กต้องใช้เงินอีกเท่าไหร่ ถึงจะพบความยุติธรรม เอกสารบนศาลติ๊กสู้เขาไม่ได้แต่คำพูดที่พี่แก้วได้พูดกับติ๊กกับแม่ของติ๊กจะขายบ้านคือให้แม่ติ๊กสัจจะคำพูดที่พี่แก้วสัญญาเอาไว้จะคืนบ้านให้ติ๊กกับแม่คืนบ้านหลังนี้สำคัญกับแม่ติ๊กมากขอบ้านหลังนี้คืนให้แม่ติ๊กเถอะแม่ติ๊กแก่มากแล้วและก็ป่วยอยู่ตอนนี้ นายทุนขายฝากเขาทำเพื่อที่จะเอาดอกเบี้ยกันทุกคนไม่มีใครเขาเอาบ้านกันหรอกมีแต่พี่แก้วอยากได้บ้านเขาใจพี่แก้วทำด้วยอะไรใจคุณถึงดำได้ขนาดนี้..

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่พบ นางสาว เปรมิกา ไม้แก้ว อายุ 38 ปี บ้านเลขที่ 728/1 หมู่ 2 ถนนนาโปน้อย ตำบลมุกดาหาร อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร เล่าว่า เรื่องราวที่ตนเองได้โพสต์นั้นเป็นเรื่องจริงที่โดนกับตนเอง ตนเองอยากได้บ้านที่เป็นอาคารพาณิชย์ 2 ห้อง สูง 2 ชั้น ติดริมฝั่งแม่น้ำโขง อยากได้คืนเพราะเป็นบ้านของแม่ ตอนนี้แม่ป่วยเป็นความดันสูง เป็นไมเกรน เครียดเรื่องบ้านต้องเข้าออกโรงพยาบาลเป็นประจำมา 2 ปีแล้ว ตนเองอยากได้บ้านคืน ขายฝากไว้ 3,000,000 บาท ได้เงินสดมา 2,600,000 บาท เขาหักไว้ 400,000 บาท ( หักไว้ 3 เดือน ) ต่อมาตนเองขอไถ่ถอนคืน เจ้าหนี้บอกว่าอยากได้ 5,000,000 บาท ตนเองก็หาเงินมาให้ พอนัดวันไถ่ถอน เจ้าหนี้ไม่มาตามนัด โทรศัพท์ก็บล็อก

นางสาว เปรมิกา ไม้แก้ว เล่าอีกว่า ส่วนคลิปที่ตนเองนำเลือดหมูไปสาดเจ้าหนี้ ( นางแก้ว ) แผงขายข้างเกียบปากหม้อ และข้าวเปียกญวน ที่ตลาดสดเทศบาล 2 นั้น ตนเองทำไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบ เครียดที่คุยกับเจ้าหนี้ไม่รู้เรื่องเรื่องบ้านที่ขายฝากไว้ คลิปที่เป็นข่าวในโซเซียล

ด้าน นาง เหล่ พรนิภาอำไพ อายุ 76 ปี แม่ของผู้เสียหาย บอกว่า ยายอยากได้บ้านคืน บ้านหลังนี้เป็นสมบัติชิ้นสุดท้าย ตอนนี้ป่วยเข้าออกโรงพยาบาลทุกอาทิตย์ อยากตายที่บ้านหลังนี้ อยากให้เจ้าหนี้เมตตายอมให้ยายไถ่ถอนในราคาที่เป็นธรรม อยากได้บ้านหลังนี้จริง ๆ