ข่าวอัพเดทรายวัน

ขอนแก่น คนอีสานติดโผนักสูบอันดับ 2 ของไทย ขณะที่ผู้หญิงรุ่นใหม่สูบบุหรี่ไฟฟ้าเยอะขึ้น เหตุเพราะเชื่อว่าไม่มีสารพิษ ราคาไม่แพงและมีกลิ่นหอม ขณะที่มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ผนึกพลังคนอีสาน ร่วมประกาศเจตนารมณ์คนอีสานไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อให้เกิดการแก้ไขที่ชัดเจน

เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 21 เม.ย. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงแรมพูลแมน ขอนแก่น ราชา ออคิด จ.ขอนแก่น นายพันธ์เทพ เสาโกศล รอง ผวจ.ขอนแก่น พร้อมด้วย ศ.นพ.ประกิจ วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ นำเครือข่ายควบคุมยาสูบจากทั้ง 20 จังหวัดภาคอีสานร่วมประเทศเจตนารมณ์คนอีสานไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อแสดงพลังและจุดยืนในความร่วมมือของคนอีสานในการที่จะป้องกันและรณรงค์ให้ประชาชนทุกคนโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนปลอดพ้นจากการเสพติดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าทุกรูปแบบ โดยมีภาคีเครือข่ายควบคุมยาสูบจากทุกจังหวัดภาคอีสานเข้าร่วมกิจกรรมรวมกว่า 200 คน

นายพันธ์เทพ เสาโกศล รอง ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า การร่มกันรณรงค์ป้องกันการเข้าถึงบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเด็กและเยาวชนเป็นวาระแห่งชาติ ที่ทุกหน่วยงานจะต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพราะขณะนี้การแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าขยายวงกว้างไปอย่างรวดเร็วและเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสถิติตในปี 2564 พบว่า อัตราการสูบบุหรี่ของคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปนั้นอยู่ที่ร้อยละ 17.4 หรือคิดเป็นจำนวนประชากรที่สูบบุหรี่มีมากกว่า 9.9 ล้านคน โดยมีอัตราการสูบในภาคอีสานสูงเป็นอันดับ 2 รองจากภาคใต้ และพบการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเด็กและเยาวชนไปในวงที่กว้างมากขึ้น ดังนั้นถึงเวลาที่ทุกภาคส่วนจะต้องร่วมมือกัน จะต้องร่วมกันแสดงพลังและประกาศเจตนารมณ์ที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง

ขณะที่ ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า ยอมรับว่าบุหรี่ไฟฟ้าที่กำลังระบาดอย่างผิดกฎหมายขณะนี้นั้นมีคนไทยสูบแล้วมากถึง 78,742 คน โดยในจำนวนนี้เป็นกลุ่มที่สูบทุกวัน 40,724 คน และที่น่าตกใจคือกลุ่มเด็กผู้หญิงหันมาสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น เพราะค่านิยมที่เชื่อว่ากลิ่นหอม ไม่มีสารเสพติดและราคาไม่แพง ประกอบกับการที่กลุ่มนายทุนพยายามที่จะโฆษณาชวนเชื่อเพื่อให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าได้ง่าย ดังนั้นการร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันในวันนี้ในภาคอีสาน จะเป็นพลังทีสำคัญที่สะท้อนถึงรัฐบาล สะท้อนถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเร่งแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจัง

“การแก้ไปัญหาอย่างจิงจังคือการบังคับใช้กฎหมายด้วยการป้องปรามและปราบปราม ควบคู่กับการให้ความรู้เรื่องบุหรี่ไฟฟ้าว่ามีโทษภัยอย่างไร เพราะการสูบบุหรี่ไฟฟ้านั้นเมื่อสูบแล้วจะเลิกยาก ซึ่งแตกต่างจากการสูบบุหรี่ธรรมดาทั่วไป และที่สำคัญคือสารนิโคติน และสารเสพติดที่อยู่ในบุหรี่ไฟฟ้านั้นแม้หลายคนมีความเชื่อว่าไม่มีสารเสพติดแต่ทางการแพทย์และผลงานวิจัยนั้นบุหรี่ไฟฟ้ามีน้ำยาที่จะเกิดการเสพติดนิโคติน ที่เป้นสารเสพติดตัวเดียวกันกับบุหรี่ธรรมดาทั่วไป อย่างไรก็ตามการให้ความรู้และรณรงค์ป้องกันจะเป็นแนวทางที่่สำคัญในการไม่สร้างผู้สูบหน้าใหม่ และจะมีการบรรจุบุหรี่ไฟฟ้าในรายวิชาสารเสพติดเพื่อสร้างกระบวนการรับรู้ผ่านระบบการเรียนการสอนเพื่อลดสถิติการสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าให้ลดลงมากยิ่งขึ้น”