ข่าวสังคม ข่าวอัพเดทรายวัน วิถีชีวิต

ยายสุดเศร้า​ ฟ้าผ่าเปรี้ยง! วัวงามตายเกือบยกคอกสูญกว่าครึ่งล้าน

ยาย “คนเลี้ยงวัว” วัย 62 ปีชาวตำบลโนนสูง อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ วอนภาครัฐช่วยเยียวยา หลัง “วัวงาม” ลูกผสมเพศเมีย 3 ตัว ที่กำลังท้องแก่ใกล้ตกลูก และวัวรุ่นอีก 2 ตัว ถูกฟ้าผ่าตายหมู่ รอดปาฏิหาริย์เพียง 3 ตัว พอรู้ว่าปศุสัตว์และป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยไม่เยียวยาแทบช็อค ด้วยเหตุผล “ฟ้าผ่าเป็นภัยที่ป้องกันได้” เข่าอ่อนทรุดแทบเป็นลม พนมมือไหว้ผ่านสื่อขอความช่วยเหลือ

วันที่ 31 พฤษภาคม 2566 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้ง เกิดเหตุฟ้าผ่าลงกลางคอกวัว ที่บริเวณสวนยางพารา ด้านทิศเหนือบ้านนางาม หมู่ 6 ต.โนนสูง อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ความแรงของสายฟ้าทำให้วัวในคอกพันธุ์บรามัน ตายคาที่ 5 ตัว รอดปาฏิหาริย์ 3 ตัว ที่น่าสลดใจไปกว่านั้นคือ 3 ใน 5 ของวัวที่ตายเป็นเพศเมียทั้งหมด และกำลังท้องแก่ใกล้ตกลูกทั้ง 3 ตัว อายุลูกในท้อง 4-5-6 เดือนตามลำดับ ขณะที่วัวที่ถูกฟ้าผ่าตายอีก 2 ตัวเป็นวัวรุ่น หากนับรวมกับวัวที่เป็นตัวอ่อนในท้องแม่ ก็จะพบว่าถูกฟ้าผ่าตายหมู่ถึง 8 ตัวทีเดียว

ทั้งนี้ เหตุฟ้าผ่าวัวตายหมู่ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 23.00 น.ของคืนวันที่ 29 พ.ค.66 ที่ผ่านมา ทำให้เจ้าของวัวตกอยู่ในความเศร้า ไม่ต่างกับฝันร้าย แทบจะกินไม่ได้นอนไม่หลับ ท่ามกลางความเห็นใจของเพื่อนบ้าน ขณะเดียวกันก็ได้เกิดเสียงวิจารณ์ไปต่างๆนานา ว่าวัวที่ถูกฟ้าผ่าจะ “ตายฟรี” หรือมีสิทธิ์ได้รับการชดเชยเยียวยาจากภาครัฐหรือไม่

ผู้สื่อข่าวจึงได้ลงพื้นที่ พบนางปราณี ภูจอมแก้ว อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 210 หมู่ 6 ชาวบ้านนางาม เจ้าของวัวที่ถูกฟ้าผ่าตาย ซึ่งยังอยู่ในอาการเศร้าโศกเสียใจ ต่อการสูญเสีย “วัวงาม” ไปพร้อมกันถึง 5 ตัว และที่เป็นตัวอ่อนในท้องอีก 3 ตัว

นางปราณีกล่าวว่า คืนเกิดเหตุตนเข้าไปนอนในหมู่บ้าน ขณะที่สามีจะเป็นคนนอนเฝ้าฝูงวัว โดยทำคอกไว้ด้านทิศตะวันตกของสวนยางพารา ห่างที่พักประมาณ 30 เมตร ซึ่งได้มานอนเฝ้าวัวเป็นเวลากว่า 6 ปี เดิมเคยทำคอกวัวอยู่ด้านทิศตะวันออกของที่พัก แต่เมื่อปีที่ผ่านมาเกิดเหตุฟ้าผ่าวัวเพศเมียตาย 1 ตัว ก็ไม่ได้รับการเยียวยาจากหน่วยงานใด จากนั้นก็ได้ย้ายคอกวัวมายังจุดที่เกิดเหตุฟ้าผ่าในครั้งนี้ ซึ่งเป็นความสูญเสียครั้งที่ 2 และรุนแรงกว่าครั้งแรกมาก เนื่องจากสูญเสียวัวงาม ที่ตนเลี้ยงมาด้วยความรักใคร่เอ็นดูไปพร้อมๆกันถึง 5 ตัว

นางปราณีกล่าวอีกว่า คืนเกิดเหตุ วันที่ 29 พ.ค.66 นั้นฝนตกหนัก มีเสียงฟ้าร้องดังขึ้นเป็นระยะ ก็ไม่ได้สังหรณ์ใจอะไรเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์ร้ายกับตน จนถึงเวลาประมาณ 07.00 น.ของวันที่ 30 พ.ค.66 ตนได้ออกไปดูวัวในคอกเพื่อจะนำออกไปกินหญ้า ขณะที่สามีซึ่งเป็นคนนอนเฝ้าวัวไปหาเก็บเห็ดป่า พอเดินเข้าใกล้คอกวัวก็เห็นความผิดปกติ มองเข้าไปในคอกเห็นวัวนอนนิ่ง หันหัวไปคนละทิศคนละทาง บางตัวคอพับ ขาเหยียดเกร็ง เข้าใจทันทีว่าวัวตายแล้ว ก็แทบช็อค ร้องไห้ออกมาโดยไม่รู้ตัว จนเพื่อนบ้านผ่านมาเห็นและปลอบใจ พอตั้งสติได้ก็ประเมินเหตุการณ์ จึงรู้ว่าวัวถูกฟ้าผ่าตาย เหลือรอดปาฏิหาริย์เพียง 3 ตัว

นางปราณีกล่าวเพิ่มเติมว่าวัวทั้ง 5 ตัวตนทั้งรักและผูกพันกับมันมาก เพราะเลี้ยงเอง เกี่ยวหญ้าให้กินเอง เคยมีคนมาติดต่อขอซื้อราคาหลักแสน หรือขายแบบยกคอก 4-5 แสนแต่ตนไม่ยอมขาย อยากจะเก็บไว้เป็นมรดกให้ลูกหลาน เหมือนเป็นเงินเก็บเงินฝากก้อนสุดท้ายในชีวิต แต่กลับเคราะห์ร้ายถูกฟ้าผ่าตายเกือบหมดทั้งคอกอย่างนี้ จากกรณีวัวถูกฟ้าผ่าตาย ญาติได้สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ และเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้คำตอบว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์ได้รับการช่วยเหลือเยียวยา โดยให้เหตุผลว่าฟ้าผ่าเป็นภัยที่ป้องกันได้ ไม่ถือว่าเป็นสาธารณภัย ทำให้ตนแทบหมดหวัง เข่าอ่อนทรุดแทบจะเป็นลม

“จึงอยากวิงวอนภาครัฐ เข้ามาช่วยเหลือด้วย เพราะฟ้าผ่าถือว่าเป็นภัยธรรมชาติ ใครจะไปป้องกันฟ้าผ่าได้ ในเมื่อมันเป็นภัยธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม ก็อยากให้เรื่องนี้เป็นกรณีศึกษา ว่าสัตว์เลี้ยงถูกฟ้าผ่า ได้รับการช่วยเหลือเยียวยาจากทางภาครัฐหรือไม่ หากไม่ได้รับการช่วยเหลือก็ควรจะเปลี่ยนระเบียบใหม่ เพื่อให้มีการช่วยเหลือเยียวยาบรรเทาความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน” นางปราณีกล่าว

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบระเบียบของกระทรวงมหาดไทย หมวด 5/1 “การให้ความช่วยเหลือประชาชนด้านอื่นๆ” กรณีมีความจำเป็นเร่งด่วน ที่จะต้องให้ความช่วยเหลือประชาชนด้านอื่นๆ เพื่อฟื้นฟูเยียวยาสงเคราะห์ บรรเทาผลกระทบของประชาชน ให้ผู้บริหารท้องถิ่นพิจารณาช่วยเหลือประชาชนได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม ทั้งนี้ ไม่เกินอัตราตามหลักเกณฑ์ที่หน่วยงานรัฐกำหนด จึงขอฝากไปถึงราชการส่วนท้องถิ่นและผู้บริหารเทศบาลตำบลโนนสูง ได้โปรดพิจารณาช่วยเหลือและเยียวยา กรณีวัวถูกฟ้าผ่าตายหมู่ในครั้งนี้ด้วย