เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2566 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนขอความเป็นธรรมจาก น.ส.นันทิชา ศรีสุข สวมเสื้อสีแดงดำ (แม่ผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส)ของนายอนุชา ศรีสุข อายุ 16 ปี มีอาการได้รับบาดเจ็บสมองบวม, ตาซ้ายบอด, ตาขวามองเห็นลางๆ, ไหล่หัก, แขนทั้งสองข้างหัก, และกระดูกใบหน้าแตก จำเหตุการณ์ตอนเกิดเหตุไม่ได้ มีบ้านพักเลขที่ 25 หมู่ 8 ต.เมืองลีง อ.จอมพระ จ.สุรินทร์, น.ส.โชรยา สุขจิต (เสื้อแขนยาวสีฟ้าอ่อน) อายุ 34 ปี(แม่ผู้เสียชีวิต)ของ ด.ช.ณัฐวุฒิ สุดโสม อายุ 14 ปี มีบาดแผลที่ข้อเท้าด้านขวา, ขาข้างขวาหักกระดูกโผล่ออกมาข้างนอกเนื้อ, เลือดออกที่ช่องท้อง ปอดฉีกและสมองบวม เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ, และนางจันทนา จำเริญใหญ่ อายุ 48 ปี(แม่ผู้บาดเจ็บสาหัส)ของ ด.ช.ก้องหล้า จำเริญใหญ่ อายุ 14 ปี มีบาดแผลที่ขาซ้าย, นิ้วขาซ้ายหัก 2 นิ้ว, ปอดรั่ว, ไตแตก, และม้าม แพทย์ต้องทำการผ่าตัดด่วน ส่วนแม่ของผู้รับบาดเจ็บเล็กน้อยอีก 2 คน มอบให้แม่น้องทั้งสามดำเนินการ ว่า ลูกชายทั้ง 5 คนได้ขับขี่รถจักรยานยนต์จะไปเที่ยวงานในหมู่บ้านโดยเด็กทั้ง 3 คน ได้ขับขี่ซ้อนท้ายกันมาด้วยรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟสีแดงดำ หมายเลขทะเบียน 1กล-1747 สุรินทร์ สภาพหน้ารถจักยานยนต์พังยับ ส่วนรถจักยานยนต์ของเพื่อนอีก 2 คนยี่ห้อฮอนด้าเวฟไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ซึ่งถูกรถยนต์กระบะพุ่งเข้าชนยี่ห้อโตโยต้าแค๊ปสีเทาเงิน หมายเลขทะเบียน ตม-1346 กรุงเทพมหานคร ด้านซ้ายแตกยุบ ซึ่งรถทั้ง 3 คันเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อายัดไว้ที่ สภ.เมืองลีง อ.จอมพระ จ.สุรินทร์





ทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังที่เกิดเหตุเป็นถนน 2 เลน สองข้างทางเป็นป่าไม่มีบ้านเรือนประชาชน ยังพบชื้นส่วนเสื้อผ้าของคนเจ็บและเสียชีวิตทิ้งอยู่ จากนั้นไปสอบถาม ด.ช.ก้องหล้า จำเริญใหญ่ หรือน้องหรั่ง(นามสมมติ) (สวมเสื้อลายสก็อต) อายุ 14 ปี คนเจ็บ เปิดเผยว่า คืนวันที่ 2 มิ.ย.66 ตัวเองกับเพื่อนรวม 5 คน ขี่รถจักรยานยนต์ 2 คันจากหมู่บ้านดงเค็ง จะไปหาแฟนของเพื่อนที่อยู่ต่างหมู่บ้านแห่งหนึ่ง กระทั่งขี่มาถึงบริเวณหมู่บ้านขาม ซึ่งเป็นทางผ่าน ก็เจอกลุ่มวัยรุ่นในหมู่บ้านขามยิงปืนใส่ 1 นัด พวกตนจึงขี่รถหนี แต่อีกฝ่ายก็ขับรถกระบะไล่ตาม จนขี่มาถึงจุดเกิดเหตุ คู่กรณีที่ขับรถไล่ตามมาด้วยความเร็ว ก็ขับรถพุ่งชนพวกตน จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง แล้วรถกระบะก็ขับหนีไป จากนั้นเพื่อนอีก 2 คน ก็เดินไปหาให้คนมาช่วย ระหว่างที่ตัวเองนอนรอความช่วยเหลืออยู่นั้นจู่ๆกลุ่มคู่อริก็ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดแล้วก็เดินมาดูว่าพวกตนตายหรือยัง ตัวเองจึงแกล้งทำเป็นว่าตายแล้ว แต่ก็ยังถูกคู่อริเตะใส่หน้าไป 1 ที จากนั้นคู่อริก็ขี่รถจักรยานยนต์ออกไปเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ตัวเองม้ามฉีก /ปอดรั่ว /ขาหัก และเพื่อนอีกคนเสียชีวิต สำหรับรถกระบะที่มาชนนั้นตัวเองเห็นว่าคนขับรถเป็นวัยรุ่น ใส่หมวกมีหนวด /ส่วนอีกคนอยู่บนกระบะผมยาว



ขณะที่นางสาวโสรยา สุขจิต อายุ 34 ปี (เสื้อฟ้า )แม่ของ ด.ช.ณัฐวุฒิ สุดโสม หรือน้องเล็ก อายุ14 ปี แม่ของวัยรุ่นที่เสียชีวิต เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุลูกชายไปเที่ยวกับเพื่อน ระหว่างขี่รถกลับบ้าน ก็มาเจอกับกลุ่มวัยรุ่นแล้วถูกอีกฝ่ายขับรถกระบะไล่ตามแล้วก็พุ่งชนจนลูกเสียชีวิต ส่วนเพื่อนลูกก็บาดเจ็บ เรื่องที่เกิดขึ้นตัวเองก็ไม่รู้ว่ามีสาเหตุมาจากอะไร เพราะปกติลูกไม่เคยมีปัญหากับใครมาก่อน แต่กลับถูกวัยรุ่นขับรถไล่ชนจนเสียชีวิต แต่ตำรวจยังไมได้จับตัวคนที่ก่อเหตุมาดำเนินคดี กลับไปจับตัวเด็กอายุ 13 ปี แทน ซึ่งตัวเองเชื่อว่าเด็กอายุ 13 เป็นแพะเพราะเด็กคนนี้ขับรถไม่เป็น





ด้านนางสาวนันทิชา ศรีสุข อายุ 36 ปี (เสื้อแดงดำ)แม่ของนายอนุชา ศรีสุข หรือน้องหงา 16 ปี) แม่คนเจ็บ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ลูกชายอายุ 16 ปี สมองบวม /ตาซ้ายบอด/ไหปลาร้าและแขนหัก จนต้องนอนติดเตียงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ซึ่งตอนนี้ผ่านมาประมาณครึ่งเดือนแล้ว แต่ตำรวจก็ยังจับตัวคนก่อเหตุที่แท้จริงมาลงโทษไม่ได้ กลับไปจับเด็กอายุ 13 ปี มาแทน ซึ่งไม่ใช่คนขับ นอกจากนี้ตัวเองเชื่อว่าคนที่ก่อเหตุมีมากกว่า 1 คนอย่างแน่นอนเพราะหลังจากชนแล้ว ยังมีกลุ่มวัยรุ่นขี่รถตามมาทำร้ายอีกทั้งที่ลูกกับเพื่อนบาดเจ็บอยู่ พฤติกรรมของคนที่ขับรถไล่ชนลูกนั้นถือว่าโหดเหี้ยมมาก จึงร้องเรียนให้สื่อเป็นกระบองเสียงอีกทาง พร้อมกับวอนเจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับผู้ร่วมกระทำลูกชายตนให้มาดำเนินคดีต่อไป





ส่วนนางดวงกมล บุญยงค์ (เสื้อลายขาว-ดำ) อายุ 50 ปี แม่ของเด็กอายุ 13 ปี ที่ถูกตำรวจจับเพราะเป็นคนขับรถกระบะไล่ชน เปิดเผยว่า ลูกชายเรียนกศน. ปกติลูกชายตะไม่ค่อยอยู่บ้าน จะะไปกินนอนที่บ้านของรุ่นพี่ คืนเกิดเหตุลูกชายเล่าว่า ถูกวัยรุ่นคู่อริเอาระเบิดปิงปองมาโยนใส่ ลูกชายกับรุ่นพี่ที่ชื่อตุ๊ก อายุ 25 ปี เลยขับรถกระบะไล่ตามไปชนคู่อริ กระทั่งตำรวจมาเอาตัวไปสอบสวน ก่อนที่ลูกชายจะรับสารภาพว่าเป็นคนขับรถกระบะไล่ชนเอง ซึ่งตัวเองก็ไม่เชื่อว่าลูกชายเป็นคนขับ เพราะลูกชายนั้นขับรถกระบะไม่เป็นขนาดตำรวจให้ลองขับให้ดูลูกยังขับไม่ได้ แต่ไม่รู้ว่าทำไมลูกถึงรับสารภาพ ตนคิดว่าคงจะถูกรุ่นพี่กล่อมหรือบังคับให้สารภาพ และล่าสุดลูกชายบอกว่าจะเปลี่ยนคำให้การว่าไม่ได้เป็นคนขับรถยนต์กระบะคันดังกล่าว





จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปยังบ้านผู้ก่อเหตุอีกคน ที่ทางตำรวจได้ ออกหมายเรียกไว้ แต่ไม่พบตัวผู้ก่อเหตุ พบเพียงพี่สาวลูกพี่ลูกน้องนั่งอยู่บ้าน จึงได้สอบถามถึงเหตุที่เกิดขึ้น ด้าน นางสาว ศิริพร สกุลสม (เสื้อแขนยาวสีดำแถบขาว) อายุ 26ปี ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนนั้นไม่ทราบเรื่อง มาทราบเรื่องตอนตำรวจมาบ้านมานำตัวน้องตนและเด็ก 13 ปี ไปสถานีตำรวจ ซึ่งตนนั้นก็ไม่ทราบเลยว่าน้องตนนั้นเป็นคนขับรถกระบะที่พุ่งชนเองหรือไม่ เพราะยังไม่ได้พูดคุยกัน ซึ่งตอนนี้น้องชายตนไม่ไม่อยู่บ้าน ต้องไปพักอีกที่หนึ่ง เพราะเกรงได้รับอันตรายจากอีกฝ่ายจึงให้น้องชายออกไปจากพื้นที่ก่อน และอีก 2-3วันจะให้น้องชายไปพบ เจ้าหน้าที่ตำรวจตามหมายเรียก
ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร.ต.อ. บรรยาย แก่นจันทร์ รองสว.(สอบสวน) สภ.เมืองลีง อ.จอมพระ จ.สุรินทร์ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ยังไม่ปักใจเชื่อว่าเด็กอายุ 13 ปี จะขับรถยนต์กระบะเองพร้อมกับได้ตามหารุ่นพี่ที่ชื่อตุ๊และออกหมายเรียกครั้งแรกแล้ว แต่ถ้ายังไม่มาตามหมายเรียก ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะออกหมายจับเพื่อให้มารีบทราบข้อกล่าวหาต่อไป