ส่องผู้แทนหน้าใหม่ กับขุมกำลังแห่งอำนาจอธิปไตยวิรัช พิมพะนิตย์ “ส.ส.หมู” เพื่อไทย กาฬสินธุ์ เขต 1 “จากลูกครูบ้านนอก คร่ำหวอดในวงการเมืองมากว่า 30 ปี กว่าจะถึงวันนี้….ที่รอคอย กาฬสินธุ์ต้องดีกว่านี้”

การเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อวันที่ 14 พ.ค.66 ที่ผ่านมา เกิดปรากฏการณ์ทางการเมืองหลายอย่าง ที่ชัดเจนคือในส่วนของการได้คะแนนระบบปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคการเมืองน้องใหม่ “ก้าวไกล” และคะแนนส่วนบุคคลหรือ ส.ส.เขตหน้าใหม่จากพรรค “เพื่อไทย” หลายคน ที่ได้มาแบบแบบถล่มทลาย ซึ่งผลการเลือกตั้งและคะแนนออกมาเช่นไร เป็นที่รับทราบกันทั่วไป และผู้ได้รับการเลือกตั้งต่างตบเท้าเข้ารับ “ตราตั้ง” เป็น ส.ส.เป็นที่เรียบร้อย พร้อมจะทำหน้าที่ในสภาตามสัญญาประชาคม ที่ให้ไว้กับพี่น้องประชาชนในตอนหาเสียง เช่นเดียวกับ “หมู” วิรัช พิมพะนิตย์ ส.ส.ป้ายแดง จากพรรคเพื่อไทย กาฬสินธุ์ เขต 1

“หมู” วิรัช พิมพะนิตย์ หรือชื่อที่ติดปากชาวบ้านมานานปีว่า “สจ.หมู” ก่อนที่จะเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อเป็น “สว.หมู” ถือเป็นนักการเมืองเก่ารุ่นลายครามคนหนึ่งแห่งเมืองน้ำดำ ล้มลุกคลุกคลานในแวดวงการเมืองระดับท้องถิ่นและระดับประเทศมาหลายปี ประสบความสำเร็จทุกสนามยกเว้นการเป็น “ส.ส.” หากแต่ทำหน้าที่ ส.ส.นอกสภามายาวนาน ชนิดที่เรียกว่าเกาะติดพื้นที่ ไม่ห่างหนีประชาชน เลือกตั้ง ส.ส.ครั้งใดลงสมัครทุกครั้ง หลายสังกัดพรรคการเมือง ก่อนที่จะมาแจ้งเกิดเป็นผู้แทนหน้าใหม่ในชายคา “เพื่อไทย” และได้คะแนนติดท็อปเทนระดับประเทศถึง 56,569 คะแนน
“หมู” ส.ส.ป้ายแดง “เพื่อไทย” กาฬสินธุ์ เขต 1 กล่าวว่า ตนเป็นลูกหลานชาวเมืองน้ำดำโดยกำเนิด คุณพ่อคุณแม่รับราชการครู ชีวิตตั้งแต่เยาว์วัยจึงไม่ต้องดิ้นรนอะไรมาก แต่จากการที่เห็นสังคมมีความเหลื่อมล้ำ คนจน ผู้มีฐานะปานกลาง มีจำนวนมากกว่าคนรวย ขณะเดียวกันในเชิงสังคม เศรษฐกิจ การคมนาคมขนส่ง กาฬสินธุ์ยังถือว่าล้าหลังกว่าหลายจังหวัดในภูมิภาคเดียวกัน ทั้งๆที่ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ 18 อำเภอ มีของดี มีแหล่งท่องเที่ยว มีทรัพยากรหลายอย่าง ที่สามารถจะเพิ่มศักยภาพ ยกระดับ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวและความเจริญ แต่ขาดการพัฒนาส่งเสริมและเติมเต็ม
นั่นคือสิ่งที่ตนมองเห็น และอยากจะเข้ามาพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอนให้เจริญรุ่งเรืองกว่าที่เป็นอยู่ โดยคิดว่ากาฬสินธุ์ต้องดีกว่านี้ แต่การที่จะเดินหน้าสู่เป้าหมายนั้น ผู้ที่มีพลังคือนักการเมือง คือ ส.ส. โดยได้รับฉันทานุมัติหรือผ่านการเลือกตั้งเป็น ส.ส. เพื่อเข้าไปเป็นผู้แทน เป็นปากเป็นเสียงในสภา เสนอและผลักดันสิ่งดีๆต่างๆ มาสู่พี่สู่น้องชาวกาฬสินธุ์ ให้ได้รับทุกระบบ ครบทุกระดับ เช่น พัฒนาอาชีพ คุณภาพชีวิต และรับบริการจากภาครัฐอย่างทั่วถึง เท่าเทียม
“ส.ส.หมู” นายวิรัช พิมพะนิตย์ กล่าวว่า เริ่มสนใจการเมือง ตั้งแต่เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยรามคำแหง เริ่มจากปี 2525 ได้ร่วมกับเพื่อนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน จัดตั้งกลุ่มรามคำแหงกาฬสินธุ์ โดยรับหน้าที่เป็นประธานกลุ่มฯ ได้ซึมซับปัญหา ความต้องการ ความเดือดร้อน ที่เกิดขึ้นในสังคม และนำไปสู่การแก้ไข หลังจบการศึกษาได้มาประกอบอาชีพค้าขาย ได้สัมผัสกับประชาชน หลายสาขาอาชีพ ขณะเดียวกัน ทุกครั้งที่มีโอกาสก็ให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลพี่น้องประชาชน กระทั่งได้รับการสนับสนุนให้ลงสมัครสมาชิกสภา อบจ.กาฬสินธุ์ในปี 2533 มีพื้นที่รับผิดชอบ 2 อำเภอคือ อ.เมืองกาฬสินธุ์กับ อ.ดอนจาน โดยได้เป็น ส.อบจ. 2 สมัย 9 ปี ถึงปี 2544 ได้รับการประสานจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทย (สมัยนั้น) เข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย ในกลุ่ม “นกแล” ก่อนที่จะย้ายมาสมัคร ส.ส.ในสังกัดพรรคชาติไทยในปี 2548 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ต่อมาในปี 2557 ได้ลงสมัครเลือกตั้งเป็น ส.ว.กาฬสินธุ์ แต่อยู่ในตำแหน่งได้ไม่นาน ประสบอุบัติเหตุทางการเมือง คือมีรัฐประหารเกิดขึ้น จากนั้นในปี 2562 มาสมัคร ส.ส.สังกัดพรรคภูมิใจไทยก็ยังไม่ถึงฝั่งฝัน แต่ก็ได้รับคะแนนมาอย่างท่วมท้น และความไว้วางใจจากทางพรรค ให้เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม”

นายวิรัชกล่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนการเลือกตั้งครั้งล่าสุด 14 พ.ค.66 จึงได้ย้ายมาสังกัดพรรคเพื่อไทย เพราะเชื่อมั่นในนโยบายพรรค โดยเฉพาะแรงเชียร์ แรงใจ จากพี่น้องประชาชน “ชมรมคนรักหมู” จนกระทั่งได้รับความไว้วางใจ เป็นผู้แทนของพี่น้องประชาชนชาวกาฬสินธุ์ เขต 1 ในครั้งนี้ ทั้งนี้ การลงสมัครเลือกตั้ง เดิมคิดว่าคู่แข่งคือผู้สมัครจากพรรคก้าวไกล เนื่องจากหากมองในภาพรวม กระแสตีคู่มากับพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะในช่วงโค้งสุดท้าย แต่ด้วยตนทำการบ้านมายาวนาน ประกอบกับชูนโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่สามารถลงมือทำให้เห็นและเป็นรูปธรรม ซึ่งตนได้นำมาใช้ในการหาเสียง บอกพี่บอกน้องมาโดยตลอดจึงส่งผลได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยสิ่งที่อยากจะทำอย่างเร่งด่วนในพื้นที่กาฬสินธุ์คือ ยกระดับการศึกษา พัฒนามหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ให้โดดเด่น เป็นสถาบันการศึกษาที่นักเรียน นักศึกษา ทั่วประเทศอยากจะเข้ามาศึกษา แก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง ตลอดทั้งผลักดันให้เกิดศูนย์สมอง ศูนย์โรคหัวใจ เพื่อพี่น้องประชาชนจะได้มีความสุขอย่างเต็มเปี่ยม


อย่างไรก็ตาม หากมีโอกาส ก็อยากเป็นรัฐมนตรี หรือคณะทำงานในกระทรวงคมนาคม เนื่องจากมีความรู้ ประสบการณ์ จากการเคยปฏิบัติหน้าที่ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมาก่อน เพราะพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ยังจะต้องมีการพัฒนาด้านคมนาคมขนส่ง การสัญจร โดยเฉพาะรถไฟความเร็วสูง และสนามบิน ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นต้องมี และจะเป็นตัวชี้วัดถึงความเจริญก้าวหน้า ในระบบการคมนาคม ที่จะเชื่อมโยงถึงความเจริญภาคธุรกิจการท่องเที่ยวระดับภูมิภาค นำรายได้สู่เศรษฐกิจฐานรากต่อไป เพราะทรัพยากรกาฬสินธุ์เรามีความพร้อมอยู่แล้ว เพียงแต่รอการสนับสนุนส่งเสริมจากรัฐบาลและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ซึ่งตนก็พร้อมที่จะผลักดันโครงการดีๆมาสู่กาฬสินธุ์ ที่เป็นบ้านเกิดเมืองนอน ให้เจริญเดินหน้าทัดเทียมจังหวัดต่างๆในภูมิภาคเดียวกัน เพราะกาฬสินธุ์ต้องดีกว่านี้