ข่าวอัพเดทรายวัน

ศาลจัดโครงการให้ความรู้เรื่อง แนวทางการตรวจสอบเส้นทางการเงิน

ศาลจังหวัดมหาสารคาม ร่วมกับศาลจังหวัดขอนแก่นจัดโครงการให้ความรู้เรื่อง แนวทางการตรวจสอบเส้นทางการเงิน การรวบรวมพยานหลักฐาน ในคดีฉ้อโกงประชาชนและรับจ้างเปิดบัญชีเงินฝากหรือหมายเลขโทรศัพท์ และความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐาน

ที่ห้องประชุมศาลจังหวัดมหาสารคาม นายโชคชัย รุจินินนาท อธิบดีผู้พิพากษาภาค 4 ประธานในพิธีเปิด(ทางออนไลน์) ในโครงการ “ความร่วมมือแก่นสาร-การประสานความร่วมมือทางวิชาการ ระหว่างศาลจังหวัดมหาสารคามและศาลจังหวัดขอนแก่น” พร้อมบรรยายให้ความรู้เรื่องแนวทางการตรวจสอบเส้นทางการเงิน การรวบรวมพยานหลักฐานในคดีฉ้อโกงประชาชน และรับจ้างเปิดบัญชีเงินฝาก หรือหมายเลขโทรศัพท์ (บัญชีม้า) และความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐาน โดยมีนายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและ ปราบปรามการฟอกเงิน เป็นวิทยากรบรรยายให้กับรู้ กับบุคลากรในกระทรวงยุติธรรม ทั้ง ผู้พิพากษา อัยการ ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง

นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวว่า ในวันนี้ได้มาเป็นวิทยากรให้ความรู้เกี่ยวกับแนวทางการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน การรวบรมพยานหลักฐานในการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สิน ตามกฎหมายว่าด้วยการปราบปรามการฟอกเงิน นอกจากนี้ต้องมีการทำความเข้าใจ เพราะการดำเนินการตามกฎหมายฟอกเงินต้องอาศัยมูลฐานความผิด ซึ่งเป็นคดีอาญา พนักงานสอบสวนต้องทำสำนวนรวบรวมพยานลักฐานและส่งสำนวนไปอัยการเพื่อยื่นฟ้อง ความผิดเกิดท้องที่ไหนก็ฟ้องท้องที่นั้น ปัจจุบันคดีการฉ้อโกง บัญชีม้ามาก เพิ่มขึ้นมาก ดังนั้นจึงต้องมีการให้ความรู้ มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน ซึ่งปัจจุบันเรื่องบัญชีม้ามีกฎหมายเฉพาะ คือ พรก.ว่าด้วยการปรามปรามและเทคโนโลยี มีโทษอาญา มีการกำหนดเอาไว้กรณีเปิดบัญชีแล้วให้คนอื่นไปใช้ โดยผู้ที่รับเปิดหรือยินยิมให้ผู้อื่นใช้บัญชีเงินฝากหรือหมายเลขโทรศัพท์ของตนเองเพื่อใช้กระทำความผิด มีโทษจำคุก 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท แต่หากเป็นธุระจัดหาหรือโฆษณาเพื่อให้มีการ ซื้อ ขาย เช่า ยืม บัญชีเงินฝาก/หมายเลขโทรศัพท์ เพื่อใช้กระทำความผิดมีโทษจำคุก 2-5 ปี หรือปรับ 200,000-500,000 บาท

นายอัครพันธ์ สัปปพันธ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า ปัจจุบันมีการหลอกลวงประชาชนจากกลุ่มมิจฉาชีพในหลากหลายรูปแบบ และแพร่หลายมากขึ้นจากความเข้าใจผิดและความไม่รู้ของประชาชน นอกเหนือจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลุ่มมิจฉาชีพบนโซเชียลมีเดีย อีเมล์หลอกลวง “บัญชีม้า” เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดและฟอกเงิน ที่ได้มาจากการกระทำความผิดต่าง ๆ เช่น การพนัน การฉ้อโกง และการค้ายาเสพติด เพื่อไม่ให้มีพยานหลักฐานเชื่อมโยงมาถึงตัวผู้กระทำความผิดได้ ซึ่งมิจฉาชีพก็จะใช้วิธีต่าง ๆให้ได้มาซึ่งบัญชีม้า เพื่อเป็นเครื่องมือในการก่ออาชญากรรม ทำให้การตรวจสอบผู้กระทำความผิด ค้นหาตัวผู้กระทำความผิด และการแสวงหาพยานหลักฐานใดที่เกี่ยวข้องกับผู้กระทความผิดยากและลำบากมากขึ้น ศาลจังหวัดมหาสารคามจึงได้ร่วมกับศาลจังหวัดขอนแก่น จัดโครงการความร่วมมือแก่นสาร-การประสานความร่วมมือทางวิชาการจัดกิจกรรมบรรยายทางวิชาการ เรื่อง “แนวทางการตรวจสอบเส้นทางการเงิน การรวบรวมพยานหลักฐานในคดีฉ้อโกงประชาชนและรับจ้างเปิดบัญชีเงินฝากหรือหมายเลขโทรศัพท์ และความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐาน” เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และแนวทางในการดำเนินการ ซึ่งปัจจุบันพบว่ามีคดีขึ้นสู่ศาลเพิ่มมากขึ้น จะพบว่าส่วนใหญ่แล้วจะดำเนินคดีกับบัญชีเงินฝากแรกที่มีการโอนจากผู้เสียหายไปยังบัญชีนั้น ซึ่งโดยมากแล้วจะรู้จักกันในนามบัญชีม้า อาจถูกรับจ้างเปิดบัญชีหรือถูกหลอกให้เปิดบัญชี แต่หลังจากนั้นแล้วจะมีการโอนหรือว่ามีการกระจายเงินจากบัญชีม้าไปยังอีกหลายๆบัญชี ซึ่งสุดท้ายหนึ่งในนั้นจะเป็นบัญชีผู้กระทำความผิดที่แท้จริง ซึ่งทางเลขาธิการ ปปง. ก็มาให้ความรู้ เกี่ยวกับการตรวจสอบเส้นทางทางการเงินให้แก่ผู้เข้ารับการอบรม ทั้ง ผู้พิพากษา อัยการ ตำรวจ และพนักงานปกครอง เพื่อที่จะได้มีความรู้ เกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานว่า เมื่อมีการนำสืบพยานหลักฐานเหล่านี้ในศาลแล้ว มีความน่าเชื่อถืออย่างไร ทำให้การทำงานในทุกๆส่วน ไม่ว่าจะเป็นรวบรวมหลักหลักฐานหรือการวินิจฉัยชี้ขาดว่า จำเลยกระทำความผิดหรือไม่ เป็นไปอย่างประสิทธิภาพ ซึ่งปัจจุบันจากการตรวจสำนวนมีเรื่องสู่การพิจารณา ทุกเดือน เดือนละ 2-3 เรื่อง มีทั้ง ฉ้อโกงในวงใหญ่ ฉ้อโกงรายเดียว แต่ว่ามีมูลค่าความเสียหายมาก ในบางสำนวนมีมูลค่าความเสียหายหลัก 10 ล้าน เฉพาะที่จังหวัดมหาสารคามจังหวัดเดียว ภาพรวมในภาคอีสานตอนบนมีความผิดประเภทนี้มากพอสมควร จริง ๆ แล้วก็กระจายไปทั่วประเทศ เพราะความผิดประเภทนี้ไม่ว่าจะอยู่ก็สามารถหลอกลวงฉ้อโกงได้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในประเทศ หรืออยู่ต่างประเทศ ยกตัวอย่างจากการตรวจสำนวนในคดีหนึ่ง จำเลยมีทั้งอยู่ที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการ และเชียงราย ซึ่งกระจายกันอยู่หลายจังหวัด