ข่าวอัพเดทรายวัน

อดีต ส.อบต.จี้ปลดนายกฯ หลัง ปปช.ชี้ผิดฐานเบิกเงินหลวงช่วงหนีคดีทุจริตจ่อยื่นมหาดไทย

อดีต ส.อบต.บุกศาลากลางจ.บุรีรัมย์ จี้ถอดถอนนายก อบต.ไทยสามัคคี หลัง ปปช.ชี้มูลความผิดฐานเบิกเงินหลวงช่วงหนีคดีทุจริต หากไม่ดำเนินการตามระเบียบกฎหมาย พร้อมยื่นร้องมหาดไทย และอัยการสูงสุด ด้านอำเภอเผยได้รับหนังสือจากจังหวัดแล้ว อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน และข้อกฎหมาย ก่อนสรุปส่งผู้ว่าฯ พิจารณาไม่เกิน 11 ส.ค.นี้

วันที่ 3 สิงหาคม 2566 นายสนิท บุญทวี อดีตสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล (ส.อบต.) ไทยสามัคคี อ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ ได้นำเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเอกสารการชี้มูลความผิดจาก สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประจำจังหวัดบุรีรัมย์ มายื่นที่ศาลากลางจังหวัด เพื่อติดตามความคืบหน้าว่าทางจังหวัด ได้มีคำสั่งถอดถอนนายก อบต.ไทยสามัคคี ออกจากตำแหน่งแล้วหรือไม่ เพราะหลังจากที่ ปปช.ได้ชี้มูลความผิดกรณีที่นายก อบต.คนดังกล่าวได้เบิกจ่ายเงินเดือนค่าตอบแทน และเงินประจำตำแหน่งตามปกติ ในช่วงที่หลบหนีหมายจับคดีทุจริตเงินงบประมาณแผ่นดินหลายโครงการ เพราะตามระเบียบกฎหมายต้องภายหลัง ปปช.ชี้มูลความผิดแล้ว ต้องดำเนินการถอดถอนออกจากตำแหน่งภายใน 30 วัน

โดยนายสนิท ผู้ร้องระบุว่า ที่มายื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดครั้งนี้ เพราะอยากทราบความคืบหน้า กรณีที่ ปปช.ได้ชี้มูลความผิดนายก อบต.ไทยสามัคคี ไปเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.2566 แล้วได้ส่งเรื่องให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่แล้วหรือไม่ ซึ่งตามระเบียบข้อกฎหมาย เมื่อ ปปช.ส่งเรื่องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว ต้องมีการถอดถอนออกจากตำแหน่งภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย. ขณะนี้ก็ล่วงเลย 30 วันมาแล้ว จึงได้มายื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัด เพราะอยากทราบผลการดำเนินการว่าถึงขั้นตอนไหนแล้ว

นายสนิท ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า เมื่อปี 2562 ทั้งที่ ปปช.ได้ชี้มูลความผิดว่านายกฯ มีการกระทำทุจริตแล้ว แต่ทำไมยังปล่อยให้ลงสมัครรับเลือกตั้งได้ และยังได้เข้ามาดำรงตำแหน่งนายกฯ อีก ไม่ทราบว่ามีการช่วยเหลือกันหรือไม่อย่างไร แต่หากการร้องเรียนหรือติดตามเรื่องในครั้งนี้ ไม่มีความคืบหน้าหรือเป็นไปตามระเบียบกฎหมาย ตนก็จะเดินหน้ายื่นเรื่องร้องต่อกระทรวงมหาดไทย และอัยการสูงสุดต่อไป

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้ไปสอบถามรายละเอียดกับทาง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประจำจังหวัดบุรีรัมย์ เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ก็ให้ข้อมูลว่า ทาง ปปช.ได้ชี้มูลความผิดและส่งเรื่องให้ผู้ว่าราชการจังหวัด พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่แล้ว ส่วนจะดำเนินการอย่างไรนั้นก็เป็นอำนาจหน้าที่ของผู้ว่าฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเป็นผู้พิจารณา

จากนั้นได้โทรศัพท์ไปสอบถามปลัดอาวุโสอำเภอหนองหงส์ ก็ให้ข้อมูลว่า ทางอำเภอได้รับหนังสือจากทางจังหวัดแล้ว และได้ทำหนังสือถึงท้องถิ่นอำเภอเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง และดูระเบียบกฎหมายว่าสามารถดำเนินการอะไรยังไงบ้าง ก่อนที่จะสรุปรายงานเสนอกลับไปให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาดำเนินการบทลงโทษ ภายในวันที่ 11 ส.ค.2566 ที่จะถึงนี้ ซึ่งก็เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด