
จากกรณีที่เกิดเหตุ 2 คนร้าย บุกใช้อาวุธปืนปากกา และปืนลูกซองสั้น บุกเข้าไปก่อเหตุยิง นายชญามร พราวศรี 18 ปี นายไชยวัฒน์ ตางาม อายุ 20 ปี เสียชีวิต 2 ศพ ภายในสนามฟุตบอลหญ้าเทียม ภายในซอยไทยประกัน 1/5 ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ และยังมีนายพรมมินทร์ อายุ 17 ปี ถูกกระสุนปืนได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 1 ราย เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.00 น. คืนวันที่ 18 ก.ค.68 ที่ผ่านมา ก่อนที่ผู้ก่อเหตุทั้งสองคนจะขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี

ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 16.30 น. (19 ก.ค.68) นายพิศาล หรือโบ้ อายุ 21 ปี ชาว อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ และนายธีรนันท์ หรือธง อายุ 20 ปี ชาว อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุยิงผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ศพ และบาดเจ็บอีก 1 รายที่สนามหญ้าเทียม จ.สมุทราปราการดังกล่าว ได้ขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้าเวฟสีดำ ทะเบียน 3 ขฮ 4959 กรุงเทพมหานคร ที่ใช้ประกอบเหตุ และหลบหนี เข้ามามอบตัวที่กองกำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์
โดยจากการสอบถามนายพิศาล หรือโบ้ อ้างว่า ก่อนเกิดเหตุถูกกลุ่มผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ชอบขี่รถจักรยานยนต์ไปเบิ้ลก่อกวนเสียงดังที่หน้าที่พักหลายครั้ง จึงเกิดความไม่พอใจ จากนั้นก็ส่งเฟสมาท้าทาย จึงได้ชวนนายธง ไปหากลุ่มผู้ตายที่สนามหญ้าเทียม กะจะไปเคลียร์ว่าทำไมต้องมาเบิ้ลรถก่อกวน

โดยตนได้พกปืนปากกาที่ประดิษฐ์ขึ้นเองติดตัวไปด้วย เพื่อหวังจะไปข่มขู่เท่านั้น แต่จังหวะที่จะกลับออกมากลุ่มคนตายก็ได้เดินตามมาด้วย นายธง เพื่อนที่ไปด้วยจึงชักปืนพกสั้นไทยประดิษฐ์ที่พกไปด้วย ยิงสวนไป แล้วก็พากันขี่ จยย.หลบหนี แล้วอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุก็ปาทิ้งแม่น้ำบางปะกง โดยตอนแรกไม่รู้ว่าจะมีคนเสียชีวิต มาทราบจากภายหลัง ก็ตกใจจึงได้พากันขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี กลับมาบ้านเกิดที่ จ.บุรีรัมย์ เพราะอยากเห็นหน้าพ่อแม่ และลูกน้อยวัย 2 ขวบครึ่งก่อนจะไปรับโทษ จากนั้นก็พากันขี่ จยย.ไปมอบตัว รู้สึกผิดและเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป และพร้อมรับโทษกับสิ่งที่ทำ พร้อมทั้งขอโทษครอบครัวของผู้เสียชีวิตด้วย

ขณะที่นายธีรนันท์ หรือธง บอกว่า ตนไม่รู้ว่านายโบ้ กับกลุ่มคนตายมีเรื่องอะไรกันมาก่อน แต่นายโบ้ เล่าให้ฟังแค่ว่า ถูกกลุ่มคนตายขี่ จยย.มาเบิ้ลรถเสียงดังก่อกวนแถวที่พัก ก็เลยชวนตนไปด้วยโดยนายโบ้ บอกกับตนว่าจะไปเคลียร์กัน แต่ก็เคลียร์กันไปไม่ได้ นายโบ้ ชักปืนปากกาซึ่งไม่มีลูกยิงขู่ แต่อีกฝ่ายก็วิ่งเข้ามาหาตนจึงตัดสินใจชักปืนไทยประดิษฐ์พกสั้นที่พกติดตัวไปด้วยยิงใส่ไป 1 นัด แล้วก็พากันวิ่งขึ้นรถ โดยไม่รู้ว่ากระสุนไปโดนใครบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เพิ่งจะมาทราบภายหลังก็เสียใจที่มีคนเสียชีวิต และขอโทษครอบครัวคนตายด้วย ส่วนปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็นปืนของปู่ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว และหลังก่อเหตุได้ยินทิ้งที่แม่น้ำบางปะกง ก่อนจะพากันขี่ จยย.ไกลกว่า 400 กม. กลับมามอบตัวที่ จ.บุรีรัมย์ เพราะอยากเห็นหน้าพ่อแม่ก่อนเข้ามอบตัว

ขณะที่แม่ของนายโบ้ ก็ได้อุ้ม ด.ช.วัย 2 ขวบครึ่ง ซึ่งเป็นลูกชายของนายโบ้ มาหาที่โรงพัก เพื่อให้นายโบ้ ได้เจอหน้าลูกชาย ก่อนจะถูกส่งตัวกลับไปที่ จ.สมุทรปราการ ท้องที่เกิดเหตุเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยเบื้องต้นทั้งสองถูกแจ้งข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น ร่วมกันยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมชน ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุสมควรหรือมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วน ตามสมควรแก่พฤติการณ์