พบอดีตผู้ใหญ่บ้านวัย 65 ปี ชาวตำบลหนองตอกแป้น อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ สร้างค่ายมวยไทยด้วยทุนส่วนตัวและจิตอาสา หวังดึงเยาวชนสนใจเล่นกีฬา ห่างไกลยาเสพติด และพฤติกรรมมั่วสุม เสียอนาคต แต่มีความมุ่งหวังตั้งใจเด็ดเดี่ยวที่จะปลุกปั้นและสร้างนักมวยให้ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียง ท่ามกลางความขาดแคลนด้านสถานที่และอุปกรณ์การฝึกซ้อม จนได้ชื่อว่าลมโชยยิม
เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2563 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีชายวัย 65 ปี ชาวบ้านหนองตอกแป้น หมู่ 5 ต.หนองตอกแป้น อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ได้สร้างค่ายมวยชื่อ “ลูกกตัญญู” ศูนย์กีฬาหนองตอกแป้น ทั้งนี้ เป็นการใช้เงินส่วนตัว ทำด้วยจิตอาสา เพื่อเป็นสถานที่ฝึกเด็กและเยาวชนในหมู่บ้าน ให้มีระเบียบวินัย แก้ไขเด็กติดเกม ใช้เวลาว่างเป็นประโยชน์ ห่างไกลยาเสพติด โดยตั้งเป้าสร้างนักกีฬามวยไทยและมวยสากล ให้ประสบความสำเร็จ ตามนโยบายของนายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ ที่คาดหวังอยากให้คนกาฬสินธุ์สร้างชื่อเสียงโดดเด่นด้านการกีฬา
ผู้สื่อข่าวจึงได้ลงพื้นที่ค่ายมวยลูกกตัญญู ศูนย์กีฬาหนองตอกแป้น ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 99 หมู่ 5 ต.หนองตอกแป้น อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ พบนายวิศิษฎ วิรุฬพัฒน์ อายุ 65 ปี เจ้าของค่ายมวย ซึ่งกำลังทำการฝึกซ้อมนักมวย ทั้งนักมวยหญิงและนักมวยในสังกัด ซึ่งวันนี้มาซ้อม 4 คน อย่างขะมักเขม้น โดยเป็นการฝึกซ้อมที่ลานดินข้างบ้าน ขณะที่อุปกรณ์ที่จำเป็นในการฝึกซ้อม เช่น เวที นวม กางเกงนักมวย ยังไม่เพียงพอ ทำให้เป็นอุปสรรคในการฝึกซ้อม โดยเฉพาะในยามที่มีฝนตกลงมา
นายวิศิษฎ วิรุฬพัฒน์ กล่าวว่า จากการที่ตนเห็นความสำคัญของการเล่นกีฬา โดยเฉพาะมวยไทย ซึ่งเป็นศิลปะการต่อสู้และป้องกันตนเองที่นานาชาติให้การยอมรับ และปัจจุบันหันมาฝึกฝนกีฬามวยไทยกันอย่างแพร่หลาย สามารถสร้างชื่อเสียงและรายได้ให้กับนักมวยเป็นอย่างดี ทั้งนี้จากการที่เห็นความสำคัญของการเล่นกีฬาและมวยไทยดังกล่าว ขณะที่เด็กและ เยาวชน ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติในอนาคต ไม่ค่อยสนใจเล่นกีฬา และมีพฤติกรรมเสี่ยงไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เสี่ยงทำให้เสียอนาคตได้ โดยเมื่อปี 2545 ตนซึ่งเป็นเป็นรองนายก อบต.หนองตอกแป้น จึงได้ตั้งค่ายมวยลูกกตัญญูขึ้น เพื่อเป็นเวทีให้เด็กในชุมชนที่มีความสนใจร่วมฝึกฝนทักษะ มีระเบียบวินัย แก้ไขปัญหาเด็กติดเกม ใช้เวลาว่างเป็นประโยชน์ ห่างไกลยาเสพติด ซึ่งในช่วงนั้นมีผู้ปกครอง อนุญาตให้ลูกหลาน เด็ก เยาวชน เข้ามาร่วมฝึกทักษะแม่ไม้มวยไทยในค่ายเกือบ 20 คน
นายวิศิษฎ กล่าวอีกว่า ในการฝึกนักมวยนั้น เมื่อนักมวยคนไหนมีแวว ตนก็ให้การสนับสนุนส่งขึ้นชกและสั่งสมประสบการณ์ตามเวทีทั่วไป ซึ่งประสบความสำเร็จ มีชนะ มีแพ้บ้าง ตามกฎเกณฑ์การแข่งขันกีฬา แต่ประโยชน์ที่ได้คือการมีสุขภาพที่แข็งแรง เป็นแบบอย่างของเด็ก เยาวชน ทำให้เป็นคนมีระเบียบ วินัย พ่อแม่ผู้ปกครองไม่ต้องกังวลเรื่องที่จะไปมีพฤติกรรมเสี่ยงกับยาเสพติดและภัยสังคมต่างๆ โดยเฉพาะเด็กที่เคยมาฝึกซ้อมมวยไทยที่ค่าย ประสบความสำเร็จในการศึกษา รับราชการ และมีงานทำที่มั่นคงหลายคน
นายวิศิษฎ กล่าวเพิ่มเติมว่า ต่อมาตนได้รับการสนับสนุนจากชาวบ้านให้เป็นผู้ใหญ่บ้าน ก็ให้การส่งเสริมเด็ก เยาวชน ฝึกฝนกีฬามวยไทยอย่างต่อเนื่อง และหลังเกษียณจากการเป็นผู้ใหญ่บ้านแล้ว ก็ยังทุ่มเทกับการฝึกฝนนักมวยในค่ายอย่างเต็มที่ และที่เพิ่มเติมเข้ามาคือมวยสากล โดยพานักมวยในค่ายไปขึ้นเวทีชกตามรายการต่างๆ ทั้งภายในจังหวัดและต่างจังหวัดอย่างสม่ำเสมอ บางคนที่เป็นนักเรียน เป็นนักศึกษา ก็ได้เป็นตัวแทนสถานศึกษาไปขึ้นชกแข่งขันและได้รับรางวัลหลายราย
“พอต้นปี 2563 เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้ต้องหยุดพักการฝึกซ้อม และนักมวยในค่ายก็แยกย้ายกันไป แต่ตนก็ไม่ละทิ้งอุดมการณ์ที่จะสานต่อศิลปะแม่ไม้มวยไทยให้คงอยู่ ว่างๆก็พาลูกหลานฝึกซ้อม เพื่อรักษาความฟิตและสภาพร่างกายให้แข็งแกร่ง มาถึงวันนี้ซึ่งสถานการณ์โควิด-19 ผ่อนคลาย จึงบอกกล่าวผู้ปกครอง และเด็ก เยาวชน ที่สนใจกีฬาหมัดมวย มาเข้าค่ายฝึกซ้อมตามเดิม ซึ่งทำการฝึกซ้อมและส่งเสริมด้วยใจ ทำได้เท่าที่แรงมี ทำด้วยจิตอาสา ไม่หวังสิ่งใดตอบแทน เพียงเพื่ออยากเห็นเด็ก เยาวชน เป็นคนดี มีระเบียบวินัย ไม่ไปแว้นจักรยานยนต์เที่ยว ไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ไม่สร้างปัญหาความเดือดร้อนให้ผู้ปกครอง” นายพิศิษฎกล่าว
นายพิศิษฎกล่าวในตอนท้ายว่า อุปกรณ์การฝึกซ้อมอาจจะไม่พร้อม ทั้งสถานที่ เวที เพราะยังขาดแคลนทุนทรัพย์ในการต่อเติม แต่ใจตนและนักมวยในสังกัด ซึ่งปัจจุบันมี 10 คน ก็พร้อมเสมอ ก็ลงนวมซ้อมกันตามลานดินข้างบ้าน เป็นอุปสรรคหน่อยก็ในวันที่ฝนตก ทำให้ลานดินเปียกแฉะ ต้องงดซ้อม ชาวบ้านหลายคนที่มาเห็นก็แซวว่าลมโชยยิม อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะอยู่ในภาวะขาดแคลน ตนก็จะไม่ย่อท้อ ในการที่จะเดินหน้าสร้างนักมวยต่อไป ตามอุดมการณ์ที่หวังจะให้เด็ก เยาวชน สนใจกีฬามวยไทย ห่างไกลยาเสพติด และตามนโยบายของนายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ ที่คาดหวังอยากให้คนกาฬสินธุ์สร้างชื่อเสียงโดดเด่นด้านการกีฬา แม้ว่าจะยังไม่มีความพร้อมด้านอุปกรณ์เสริมต่างๆ
ด้านน.ส.กนกวรรณ วิรุฬพัฒน์ อายุ 18 ปี นักมวยค่ายมวยลูกกตัญญู ศูนย์กีฬาหนองตอกแป้น กล่าวว่า ตนเริ่มเรียนมวยไทยกับนายวิศิษฎ ผู้เป็นพ่อ และเข้าค่ายลูกกตัญญู ตั้งแต่เรียน ป.3 อายุ 9 ขวบ ก็ขึ้นชกมาเรื่อยๆ ทั้งประเภทมวยไทยและมวยสากล ประมาณ 60 ไฟต์ มีแพ้ มีชนะบ้าง สะสมทักษะ ประสบการณ์มาเรื่อยๆ ปัจจุบันศึกษาที่โรงเรียนกีฬา จ.ศรีสะเกษ เป็นตัวแทนแข่งขันระดับเขตและระดับภาคหลายรายการ เอกลักษณ์ของตนคือหมัดขวาหนัก ในอนาคตหวังจะติดทีมชาติ เพื่อไปแข่งขันในระดับเอเชี่ยนเกมส์และโอลิมปิกให้ได้ ซึ่งการชกมวยเป็นเรื่องที่ดี เพราะนอกจากจะมีศิลปะป้องกันตัวแล้ว ยังได้ออกกำลังกาย และใช้เวลาว่างเป็นประโยชน์อีกด้วย