สองตายายชาวตำบลนาเชือก อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ โร่แจ้งความกับตำรวจหลังมีโทรศัพท์ลึกลับเลียนเสียงปลอมเป็นลูกชายออกอุบายหลอกว่าถูกตำรวจจับยาคดีเสพติด ขอให้โอนเงิน 2 หมื่นบาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัว ด้านตำรวจเร่งประสานขอชื่อเจ้าของบัญชีและเจ้าของเบอร์โทรศัพท์ คาดเป็นแก๊งมิจฉาชีพโทรหลอกพูดจาหว่านล้อมจนเหยื่อหลงเชื่อสูญเงิน 2 หมื่นบาท
เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2563 นายดำรงค์ ศิริวัฒน์ อายุ 62 ปี และนางทองไหม ศิริวัฒน์ อายุ 59 ปี สองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 51 ม.7 บ้านเลิงทุ่ม ต.นาเชือก อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เข้าพบ พ.ต.อ.แมน ศิริฉาย ผกก.สภ.นากุง และ พ.ต.ท.บรรลือ ภูฉายา พนักงานสอบสวน สภ.นากุง เพื่อสอบถามความคืบหน้าในการติดตามตัวคนร้าย ที่ก่อเหตุโทรศัพท์มาเลียนเสียงปลอมเป็นลูกชายมาหลอกว่าถูกตำรวจจับกุมคดียาเสพติด ขอให้โอนเงินจำนวน 2 หมื่นบาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัว พร้อมพูดจาหว่านล้อมต่างๆ จนทำให้ทั้งสองคนหลงเชื่อยอมโอนเงินไปให้ตามคำขอ สุดท้ายเกิดเอะใจโทรศัพท์ไปถามลูกชายตัวจริงจึงว่าถูกหลอก โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
นายดำรงค์ ศิริวัฒน์ อายุ 62 ปี กล่าวว่า ตนและภรรยามีลูกด้วยกันรวม 3 คน เป็นชาย 2 คน หญิง 1 คน ทั้งหมดไปทำงานที่ต่างจังหวัด โดยวันเกิดช่วงเวลาประมาณ 3 ทุ่ม ได้มีเบอร์โทรศัพท์แปลกโทรเข้ามา ตนเป็นคนรับสาย เสียงคนพูดปลายสายเหมือนลูกชายคนเล็กที่ทำงานอยู่ จ.ชลบุรี บอกว่าตอนนี้ถูกตำรวจจับคดียาเสพติด พร้อมยาบ้า 5 เม็ด ซึ่งเป็นยาบ้าที่เพื่อนนำมาฝากไว้ และกำลังถูกซ้อม ขอให้โอนเงินมาจำนวน 2 หมื่นบาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัว และหากไม่โอนมาตอนนี้ตำรวจจะพาไปติดคุกทันที
นายดำรงค์ กล่าวต่อว่า หลังได้ยินแบบนั้นตนและภรรยาตกใจอย่างมาก แต่ก็พยายามตั้งสติ และสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งสอบถามว่าใช่ลูกชายตนจริงหรือไม่ เพราะปกติตนไม่ได้บันทึกเบอร์และชื่อลูกไว้ในเครื่อง แต่เนื่องจากลักษณะการพูดคุยปลายสายนั้นมีน้ำเสียงเหมือนลูกชายคนเล็กจริงๆ ประกอบกับยังรู้จักข้อมูลส่วนตัวของตนกับภรรยา มีการพูดจาหว่านล้อมต่างๆนาๆ อีกทั้งนอกจากจะโทรมาที่เครื่องของตนแล้วยังโทรมาที่เครื่องของภรรยาอีกด้วย
นายดำรงค์ กล่าวอีกว่า ด้วยหัวอกคนเป็นพ่อ แม่ ที่อยู่ในอาการตกใจ และไม่อยากให้ลูกติดคุกจึงหลงเชื่อรีบนำเงินสดจำนวน 2 หมื่นบาท ไปฝากให้ญาติโอนให้ลูกชายทันที จากนั้นไม่นานเบอร์เก่าก็โทรมาอีกรอบขอให้เติมเงินโทรศัพท์ให้อีก 300 บาท ตนจึงตอบตกลง แต่เนื่องจากไม่ทราบว่าลูกชายใช้ระบบเครือข่ายใด จึงกดเบอร์โทรไปสอบถามลูกชาย ซึ่งได้รับคำตอบว่าไม่ได้เป็นคนโทรมาให้เติมเงินและไม่ได้ขอให้โอนเงินแต่อย่างใด ตนจึงรู้ว่าถูกมิจฉาชีพหลอกเสียเงินไปแล้ว จึงเข้าแจ้งความ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดตามตัวมาดำเนินคดี เพื่อไม่ให้ไปก่อเหตุกับคนอื่นอีก
ด้านพ.ต.อ.แมน ศิริฉาย ผกก.สภ.นากุง กล่าวว่า สำหรับคดีดังกล่าวหลังเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งความแล้ว พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำเบื้องต้น พบว่าคนร้ายได้โทรศัพท์เลียนเสียงเป็นลูกชาย อีกทั้งยังทราบข้อมูลส่วนตัว และมีการพูดคุยกับผู้เสียหายทั้งสองคนได้อย่างแนบเนียนจนทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าเป็นลูกจริงๆและโอนเงินไปให้ 2 หมื่นบาท โดยขณะนี้พนักงานสอบสอบได้ทำหนังสือไปยังธนาคาร และบริษัทเครือข่ายโทรศัพท์ เพื่อขอทราบตัวเจ้าของบัญชีที่ถูกโอนเงินเข้าไป และขอทราบชื่อเจ้าของหมายเลขโทรศัพท์ที่โทรเข้ามา เพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งต้องใช้เวลาสักระยะ อย่างไรก็ตามเบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าคนร้ายอาจจะเป็นแก๊งมิจฉาชีพโทรมาหลอก โดยการสุ่มเลือกเบอร์ผู้สูงอายุ พร้อมกับพูดจาหว่านล้อมจนผู้เสียหายหลงเชื่อ หรืออาจจะเป็นบุคคลที่รู้จักกับผู้เสียหาย เพราะการสนทนากันนั้นคนร้ายทราบข้อมูลผู้เสียหายเป็นอย่างดี ซึ่งตำรวจจะเร่งสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานติดตามตัวคนร้ายมาดำนินคดีต่อไป