พ่อทหารอากาศ ยืดอกแจงกรณีที่ผู้ใช้ เฟสบุ๊กชื่อ “วิสุทธิ์ ฯ” โพสต์ภาพอุบัติเหตุ สภาพบาดเจ็บ และภาพที่พักรักษาตัวที่ รพ. ซึ่งเป็นเหตุการณ์อุบัติเหตุเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 ยืนยันลูกชายไม่ได้เมาและหลบหนี พร้อมเยียวยาคู่กรณี ตาม พรบ.และตามกฎหมายกำหนด
กรณีที่ผู้ใช้ เฟสบุ๊กชื่อ “วิสุทธิ์ ฯ” โพสต์ภาพอุบัติเหตุ สภาพบาดเจ็บ และภาพที่พักรักษาตัวที่ รพ. ซึ่งเป็นเหตุการณ์อุบัติเหตุเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 แต่ไร้การรับผิดชอบจากคู่กรณีที่เป็นทหารอากาศ โดยโพสต์ดังกล่าว ระบุข้อความว่า “พวกคุณคิดยังไงกับรถที่โครงหักรถเสียศูนย์จะซ่อมให้แล้วมาให้ผมผ่อนต่อ จากชีวิตที่กำลังดี จะต้องมานั่งบำบัดนั่นนี้ ขาผมก็หัก ผมนอนไอซียู10วัน และนอนโรงบาลต่ออีกเป็นเดือน ตอนนั้นผมยังไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำ ผมผ่าตัด ขา หัว ท้อง หน้าผมก็ผิดรูปต้องบำบัด ฟันผมก็หัก ไหนจะค่าโรงบาล ค่าใช้จ่าย ค่ากับข้าว พ่อผมไม่ได้ทำงาน แกดูแลผม เพราะผมเดินไม่ได้
คุณคิดยังไงในระหว่างที่พวกคุณนั่น ทำงาน ใช้ชีวิตปกติ ในระหว่างที่ผมนั่น เดินไม่ได้ทำงานไม่ได้อีก ครอบครัวผมเสียรายได้นะครับ ผมต้องทำงานช่วยค่าบ้านพ่อที่เช่า และไหนจะค่ารถที่คุณชนผมอีก แล้วคุณมาโพสต์ลงเฟสบุ๊ค ว่าไม่เป็นไรถือว่าเยียบ งู คุณคิดได้ไงว่าผมเป็นงู คุณลองมาเป็นงูแบบที่คุณคิดสิ คุณจะได้รู้ว่าความรู้สึกความเจ็บปวดแบบนี้เป็นไง คุณเคยเห็นงูที่ทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัวตัวเองไหม คุณมาพูดว่ากำลังใจให้ผม กำลังใจคุณมันกินได้มั่ย ครับ ผมบอกเลยหลักฐานผมมีหมด อีกเรื่องที่ครอบครัวผมไม่ได้พูดอีกเรื่องนึง คือคุณเมาแล้วขับ เรื่องคดีคุณมีแต่ยื้อเวลาผ่านไปเลื่อย #คุณเป็นถึงกับทหารอากาศนะครับ # มีแต่เป็นกำลังใจไม่เคยมาเยี่ยมดูผมเลย #ผมกับพ่อผมอยู่กันแค่2คนครับ #ฝากแชร์หน่อย #ผมไม่ได้โพสต์เพื่อประจาน ผมอยากได้ความเป็นธรรม #นี้ก็เดือนกว่าแร้วคดียังไม่ถึงไหนเลยแม้แต่รถผม” นั้น
โดยข้อความที่ดังกล่าว ผู้ใช้เฟสบุ๊กชื่อ “วิสุทธิ์ ฯ” ยังได้โพสต์ภาพประกอบหลังเกิดเหตุ ขณะเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าให้ความช่วยเหลือ สภาพความเสียหายของรถคู่กรณี และช่วงที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยสอบถามคู่กรณีอีกด้วย
ล่าสุด เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2564 เวลา 17.00 น. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางเข้าพบนายบุญทวี นันสถิตย์ อายุ 56 บ้านเลขที่ 120 ม.7 ต.กมลาไสย อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นบิดาของทหารอากาศ ที่ผู้ใช้เฟสบุ๊กดังกล่าวระบุ โดยนายบุญทวี กล่าวว่า หลังจากทราบเรื่องลูกชายขับรถชนคู่กรณี ตนไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลใน ตัว จ.ขอนแก่น เพื่อเยี่ยมและดูอาการของผู้ได้รับบาดเจ็บ พร้อมพูดคุยตกลงกับญาติคู่กรณีของลูกชายในระดับหนึ่งแล้ว
นายบุญทวี กล่าวอีกว่า ในวันที่เดินทางไปเยี่ยมคู่กรณีในโรงพยาบาลนั้น ทางหมอและพยาบาลเจ้าของคนไข้บอกว่า เป็นช่วงโควิด-19 จึงไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยม แต่ก็สอบถามอาการจากคุณหมอพยาบาลด้วยความเป็นห่วง ทั้งนี้ได้พุดคุยและแสดงความรับผิดชอบทั้งอาการบาดเจ็บ การรักษา รายการซ่อมรถ กับญาติของคู่กรณีลูกชายแล้ว พร้อมทั้งมอบเงินให้ญาติคู่กรณีจำนวน 5,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเบื้องต้น โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานบริษัทประกันภัยก็ทราบเรื่อง
นายบุญทวี กล่าวเพิ่มเติมว่า ในประเด็นที่มีข้อความในเฟสบุ๊กดังกล่าวว่า ในทำนองลูกชายตนโพสต์ว่า “ไม่เป็นไรถือว่าเยียบ งู” ซึ่งน่าจะมีความหมายว่า “เหยียบงู” นั้น เท่าที่ตนสอบถามลูกชายยืนยันว่าไม่ได้โพสต์ข้อความดังกล่าว และลูกชายไม่ใช่คนนิสัยอย่างนั้น ซึ่งไม่ทราบว่าผู้โพสต์ระบุข้อความนั้นได้อย่างไร ซึ่งตนก็ไม่อยากจะโต้ตอบหรือแก้ตัวให้ลูกชาย แต่พร้อมจะเยียวยา ให้ค่าสินไหม ไม่ปัดความรับผิดชอบแต่อย่างไร ซึ่งก็เป็นไปตามกฎระเบียบ ของ พรบ.และตามกฎหมายกำหนด หรือหากขาดเหลือยังไงตนก็พร้อมที่จะคุยกันใหม่ แสดงความรับผิดชอบ เพียงแต่รอความชัดเจนจากทางบริษัทประกันภัยประเมินความเสียหายของรถ และรวมยอดค่ารักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บ ขอให้คู่กรณีมั่นใจ ไม่หนีไม่ไหนแน่นอน
“ในส่วนที่ผู้โพสต์ระบุว่าลูกชายเมาในขณะขับรถนั้น ตนทราบจากลูกชายว่าไม่ได้เมา แต่เพิ่งกลับมาจากเข้าเวรดึก และจะขับรถไปที่พัก จึงอาจจะทำให้สายตาเบลอ มองไม่เห็นรถจักรยานยนต์คู่กรณี และเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ตนขอยืนยันที่ผ่านมาได้แวะเยี่ยมคู่กรณีหลายครั้ง และพุดคุยกับญาติคู่กรณีของลูกชายตลอด เพราะเข้าใจผู้บาดเจ็บและหัวอกของพ่อแม่ ที่รักลูก เป็นห่วงลูกทุกคน เมื่อเกิดเรื่องดังกล่าว ตนไม่ปัดความรับผิดชอบ เพราะเป็นคนมีคุณธรรมพอ” นายบุญทวีกล่าว