จากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ทำให้การดำเนินชีวิตของประชาชน เผชิญกับภาวะเสี่ยงได้รับเชื้อ สถานบริการหลายแห่งปิดกิจการ หลายคนขาดรายได้ จึงต้องประหยัดค่าใช้จ่ายทุกด้าน รวมทั้งการเดินทางที่ต้องประหยัดค่าน้ำมัน ทำให้บรรยากาศการบริการแพข้ามฟากข้ามอ่างเก็บน้ำลำปาว ที่คลองเชื่อมระหว่างอำเภอเมืองกาฬสินธุ์และอำเภอหนองกุงศรี กลับมาคึกคักอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงาน จากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยล่าสุดยอดผู้ป่วยสะสมสูงถึง 71 ราย และเสียชีวิต 1 ราย ส่งผลให้ประชาชน ดำเนินชีวิตด้วยความระมัดระวัง และป้องกันตนเองไม่ให้รับเชื้อ โดยปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกันโควิด-19 D-M-H-T-T-A อย่างเคร่งครัด ทั้งการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้งที่ออกจากบ้าน ล้างมือบ่อย ๆ เว้นระยะห่างจากคนอื่นอย่างน้อย 2 เมตร ไม่เข้าไปในสถานที่แออัด อากาศไม่ถ่ายเท ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย สแกนไทยชนะหรือหมอชนะ เป็นต้น
ขณะเดียวกัน ในส่วนของการเดินทาง และการประกอบอาชีพของประชาชน ยังต้องรัดเข็มขัด ประหยัดกิน ประหยัดใช้ เนื่องจากสถานบริการ หรือสถานประกอบการหลายแห่งต้องหยุดกิจการ ส่งให้หลายคนว่างงาน ขาดรายได้ ขณะที่ในส่วนผู้ที่ยังทำงาน และประกอบอาชีพ จึงต้องประหยัดทุกวิถีทาง เพื่อที่จะลดรายจ่าย และเลี้ยงดูสมาชิกในครัวเรือนที่ว่างงาน เช่น ประหยัดน้ำมันในการเดินทางข้ามอำเภอ หรือข้ามจังหวัด รวมทั้งลดระยะทางในการเดินทางค้าขาย รับจ้างและหาจับสัตว์น้ำ
จากสาเหตุดังกล่าว ผู้สื่อข่าวได้พบว่า บรรยากาศการบริการที่แพข้ามฟาก บริเวณคลองเชื่อมเขื่อนลำปาว ตรงข้ามกับบ้านสะอาดนาทม ต.ลำคลอง อ.เมืองกาฬสินธุ์ กับ ต.เสาเล้า อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ ได้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ซึ่งแต่ละวันจะมีผู้ใช้รถเดินทางมาใช้บริการขึ้นแพ โดยใช้แรงคนชักลากเพื่อข้ามคลองเชื่อม ซึ่งมีความกว้างประมาณ 30 เมตร
สอบถามนายชาติ กุลพลเมือง อายุ 50 ปี ชาวบ้านสะอาดนาทม ต.ลำคลอง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ผู้ประกอบการแพลากข้ามฟาก กล่าวว่า ได้รับอนุญาตจากกรมเจ้าท่า ในการให้บริการแพลากกับผู้ใช้รถ ที่จะเดินทางข้ามไป-มา ระหว่าง 2 อำเภอนี้ ซึ่งจะให้บริการในช่วงฤดูแล้งที่น้ำลด ซึ่งจะช่วยให้ผู้ที่จะเดินทางระหว่าง 2 อำเภอได้รับความสะดวก คือใกล้กว่าที่จะขับไปขึ้นสะพานเทพสุดา ระหว่างแหลมโนนวิเศษ ต.โนนบุรี อ .สหัสขันธ์ กับเกาะมหาราช ต.หนองบัว อ.หนองกุงศรี โดยสามารถร่นระยะเดินทางได้กว่าเส้นทางถนนประมาณ 30-50 กม.ทีเดียว
นายชาติกล่าวอีกว่า ในช่วงฤดูแล้งนี้ และประกอบกับสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 พบว่ามีผู้ใช้รถมาใช้บริการเป็นจำนวนมากขึ้น เฉลี่ยวันละ 20-30 คัน สำหรับค่าบริการแพข้ามฟาก รถจักรยานยนต์คันละ 20 บาท รถกระบะและรถไถคันละ 40 บาท รถบรรทุก 6 ล้อคันละ 60 บาท เป็นต้น สำหรับชาวบ้าน ที่ข้ามฝั่งไปหาอาหาร หรือหาหอย ปู หาปลา ในเขื่อน ก็จะไม่เก็บค่าบริการ เนื่องจากเห็นอกเห็นใจกัน และบรรเทาความเดือดร้อน ที่ประสบปัญหาเรื่องปากท้อง ในช่วงสถานการณ์โควิด-19