เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 14 พ.ค. 2567 ที่โรงแรมโฆษะ จ.ขอนแก่น นายชาติชาย โฆษะวิสุทธิ์ ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัท โฆษะ กรุ๊ปและโรงแรมโฆษะ จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า โดยส่วนตัวรับไม่ได้ตั้งแต่มีการปรับขึ้นค่าแรง 300 บาท ซึ่งบริษัทฯผ่านเหตุการณ์ดังกล่าวมาแล้ว และประเทศไทยเกิดปัญหามาตั้งแต่การปรับค่าแรง 300 บาท ที่ทำกันอย่างรวดเร็วกระทันหัน ขณะนั้นขอนแก่นปรับขึ้นค่าแรง 300 บาท รวดเดียว 80% ภายในเวลา 6 เดือน ทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันหายไปอย่างชัดเจน
“โรงงานธุรกิจต่างๆต้องย้ายฐานการผลิตออกไปยังประเทศต่างๆ ขณะที่ธุรกิจที่ตั้งใหม่จะใช้แรงงานก็ไม่มีรับสมัครงานเพราะปัจจัยเรื่องค่าแรงที่เป็นต้นทุน ดังนั้นรัฐบาลและภาคธุรกิจควรจะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงใจ ทำอย่างไรให้มีเงินเหลือในกระเป๋ามากขึ้น ผมเคยพูดไว้ตั้งแต่ตอนขึ้นค่าแรง 300 บาทว่าคอยดูเราจะได้กินก๋วยเตี๋ยวชามละ 60-70 บาท และวันนั้นก็มาถึงจริงๆ และตอนนี้จะมาขึ้นเป็น 400 บาทคงจะสร้างความเดือดร้อนและหายนะให้กับภาคธุรกิจโดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี ของไทยอีกอย่างแน่นอน”
นายชาติชาย กล่าวต่ออีกว่า สำหรับภาคธุรกิจบริการ ธุรกิจโรงแรมนั้นไม่สามารถที่จะใช้หุ่นยนต์มาทดแทนได้เพราะเป็นการให้บริการปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ ดังนั้นกลุ่มธุรกิจดังกล่าวยังคงเป็นกลุ่มธุรกิจที่จะใช้ระบบต่างๆที่มาแทนไม่ได้ ประเทศไทยผ่านช่วงโควิดมาก็สาหัสมากพออยู่แล้วพึ่งจะเริ่มฟื้นมาหลายโรงแรมหลายพื้นที่ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว ยังต้องอาศัยการประชุมสัมมนา
” ภาครัฐถูกตัดงบประชุมสัมมนา ทำให้ธุรกิจการประชุมสัมมนา ซึ่งโรงแรมอาศัยการประชุมสัมมนาของภาครัฐ ก็จะลำบากมาก ขณะที่ต้นทุนทั้งค่าพลังงานค่าไฟฟ้าขึ้น ค่าวัตถุดิบอาหารก็ปรับแพงขึ้น และค่าแรงก็ขึ้นมา 1 รอบ จึงอยากขอวิงวอนขอความเห็นใจให้กับกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี กลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก สัญชาติไทยที่ดำเนินธุรกิจด้านบริการและด้านโรงแรม เพราะถ้ายังอยากให้ธุรกิจเป็นของคนไทยอยู่ควรทำอะไรให้สมดุลเหมาะสมและแข่งขันได้ในอนาคต