บรรยากาศบ้านแม่ยายเสี่ยต้น บ้านแม่ภรรยาเสี่ยต้นที่จังหวัดมหาสารคามปิดเงียบ มีพียงหลานอยู่กัน2คน โดยมีการกั้นตายข่ายไว้ไม่ให้บุคคลภายนอกเข้า เพื่อนบ้านบอกว่า หลังเกิดเหตุ คนในบ้านก็ออกไปอยู่ที่อื่น แต่ไม่ทราบว่าอยู่ไหน สัปเหร่อเผย ว่านหางแดงถ้าได้กินเข้าไปอันตรายถึงตาย แต่ปัจจุบันในหมู่บ้านหรือในพื้นที่อีสานไม่มีแล้วไม่ปลูกกันแล้ว
วันที่3 มิ.ย. 2567เวลา 11.30 สภาพบ้านของครอบครัวนางสาววรรณิภา หรือมด ภรรยาเสี่ยต้น ที่อยู่ในหมู่บ้านโพธิ์ทอง หมู่ 9 ตำบลดงเมือง อำเภอยางสีสุราช จังหวัดมหาสารคาม หลังนี้ ปิดเงียบ มีพียงหลานอยู่กัน2คน โดยมีการกั้นตาข่ายไว้ไม่ให้บุคคลภายนอกเข้า ผู้สื่อข่าวถามว่า คุณยายไปไหนหลานๆบอกว่าไปนาเย็นๆค่ำถึงจะกลับเข้ามา แต่ไม่ได้ล็อครั้วบ้านไว้ ซึ่งบ้านหลังนี้ บริเวณหน้าบ้านเดิมมีกระท่อมไม้ไผ่ตั้งไว้สำหรับนั่งเล่น และเมื่อเสี่ยต้นมาเสียชีวิตบริเวณนั้น ก็ได้ยกกระท่อมไม้ไผ่ออกไปแล้ว
สอบถามเพื่อนบ้านทราบว่า ที่ดินตรงนี้เป็นของครอบครัวนางมด ที่ต่อมานางมดและเสี่ยต้นมาสร้างบ้านหลังสวยงามนี้ไว้ เมื่อประมาณ 6 ปีก่อน โดยมีแม่ของนางมดเป็นผู้พักอาศัยอยู่ ส่วนสองสามีภรรยาเมื่อเดินทางมาที่จังหวัดมหาสารคาม เยี่ยมแม่ ก็จะพักที่นี่ ยกเว้นวันเกิดเหตุที่เสี่ยต้น ไม่ได้เข้าบ้าน และจะออกไปนอนที่รีสอร์ท แต่ด้วยความเมาและมืดแล้วไม่มีรถไป จึงนอนที่กระท่อมหน้าบ้านก่อนพบเป็นศพในวันรุ่งขึ้น ซึ่งช่วงนั้นอากาศร้อนมาก และผู้ตายดื่มสุราก่อนนอนหลับ จึงคิดว่าอาจเป็นการไหลตายได้
ส่วนล่าสุดที่ตำรวจเข้าจับกุมนางมด ในข้อหาจ้างวานฆ่าสามี ก็รู้สึกตกใจ ส่วนเรื่องการเสียชีวิตของสามีนางมดนั้นจะเป็นเหตุฆาตกรรมหรือไม่ ต้องรอกระบวนการทางกฎหมายพิสูจน์ต่อไป
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามเพื่อนบ้าน แต่ก็ไม่มีให้ให้ข้อมูลหรือความคิดเห็นได้ บอกแต่ว่าไม่ทราบเพราะไม่มีใครเข้าไปยุ้งกับบ้านน่างคนต่างทำมาหหากิน
ด้านนายแสวง คะกะเนปะ อายุ 73 ปี สัปเหร่อวัดดงเมืองน้อย ต.ดงเมือง อ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม กล่าวว่า ตนเองเป็นสัปเหร่อมา 4 ปีแล้ว ที่ผ่านมาไม่เคยเจอศพที่มีสภาพแบบนี้ สภาพศพดำ เขียวคล้ำ ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ปกติคนตาย 2-3 วัน สภาพศพก็จะไม่ดำคล้ำแบบนี้ ตอนเปิดโลงมาก็ตกใจ ใบหน้าบวมคล้ำ ทำพิธีขอขมากรรมตามบทสวด จากนั้นก็ล้างหน้าศพ ให้ญาติมาล้างหน้าศพ ก่อนจะราดน้ำมันแล้วนำเข้าเตาเผา
ทั้งนี้ หลังจากการเสียชีวิตของเสี่ยต้นเป็นประแสขึ้น ทางตำรวจได้เรียกตัวเข้าไปสอบถาม 2 รอบ โดยตนให้การว่าสภาพศพที่ผิดสังเกตุคือบริเวณใบหน้าที่เขียวคล้ำ จนเกือบดำจนผิดปกติ และบวม มีกลิ่น ซึ่งตนไม่กล้าทำอะไรเพิ่มเติมนอกจากจัดการร่างตามขั้นตอนปกติอย่างเร่งด่วน ส่วนวันที่มาเก็บกระดูกหลังงานฌาปนกิจศพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เจ้าภาพและญาติก็มาเก็บอัฐิวันต่อมาเลย ซึ่งก็สังเกตุเห็นว่ากระดูกมีสีดำ ก็รู้สึกประหลาดใจเพราะทำงานนี้มาหลายปี ไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน ปกติคนที่กินเหล้าเสียชีวิต หรือการตายเพราะช๊อคหรือไหลตาย จะมีสภาพร่างกายบวมขึ้นบ้างแต่สภาพผิวหนังก็ยังเป็นสีเนื้อ บริเวณร่างกายหรือใบหน้าไม่เขียวคล้ำจนดำ และส่งกลิ่นรุนแรงแบบนี้ ซึ่งตนได้ยินว่ามีผู้เห็นศพเสี่ยต้นก่อนเผาแล้วตกใจจนต้องถามว่าทำไมสภาพศพจึงผิดปกติแบบนี้ ซึ่งตนก็ไม่ได้พูดอะไร และทำหน้าที่ของตนให้เสร็จ
ส่วนกรณีมีคนคาดเดาว่า อาจมีการใช้ ว่านหางแดง ซึ่งเป็นต้นไม้ชนิดหนึ่ง ที่ชาวบ้านจะเอารากมาทุบผสมกับน้ำผงซักฟอก เอาไว้เป็นยาเบื่อปลา ให้ปลาซ๊อค ตามัวหรือว่ายน้ำช้า เพื่อจะได้จับได้ง่าย ส่วนจะมีการนำมาใช้เพื่อวางยาคนนั้นตนไม่ทราบว่าใช้ได้จริงหรือไม่ ซึ่งทุกวันนี้เค้าไม่ให้ปลูกกันเลย และไม่ได้นำมาใช้หลายปีแล้วโดยจะมีวิธีกแก้ จากผู้เฒ่าผู้แก่เล่าว่า ให้ฉี่ใส่ปลา หรือถ่มน้ำลายปลาป็ฟื้นขึ้นมา
พ.ต.อ.วัชรินทร์ สัตยาคุณ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรยางสีสุราช จังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า ได้มีการสอบทุกพยาน มีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ในสำนวนแต่ก็รอเพิ่มเติม ประสานกันตลอด ทำงานร่วมกันมา 3 สัปดาห์สอบทุกพยาน มีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ในสำนวนแต่ก็รอเพิ่มเติม ประสานกันตลอด ทำงานร่วมกันมา 3 สัปดาห์และกำลังรวบรวมข้อมมูลจากทาง สภ.ทองหลางจากเรื่องจ้างวานฆ่า ว่าจะมีการเชื่อมโยงกันจริงหรือไม่กำลังเร่งรวบหลักฐานให้ชัดเจน