ที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ท.บรรจง พาโคตร สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมนายกอบเกียรติ เครือชัยแก้ว อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12/1 หมู่ 7 ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี ที่287/2567 ลงวันที่ 6 สิงหาคม 2567 โดยกล่าวหา “ลักทรัพย์ในเคหะสถาน” พร้อมของกลาง เงินสด 8000 บาท โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง กล้องวงจรปิด 1 ตัว กระเป๋าสะพาย 1 ใบ กล่องแหวนทอง 1 กล่อง สร้อยคอปลอม 1 เส้น กระปุกออมสินไม้ 1 กระปุก จักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ สีแดงดำ ที่ใช้ก่อเหตุ โดยมีคลิปตำรวจไปจับกุมตัวได้ที่รีสอร์ทมีชื่อแห่งหนึ่งใน ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น เย็นวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 3 ส.ค.2567 หลังจากที่ ร.ต.ท.หญิง ณัฐณิชา โภคสวัสดิ์ รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี พร้อมด้วย พ.ต.ท.บรรจง พาโคตร สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี ออกไปสอบสวนเหตุงัดบ้านเช่า ภายในบ้านเหล่าซอย 3 เขตเทศบาลนครอุดรธานี พบ น.ส.มัลติกา จันทะบาล อายุ 30 ปี ผู้เสียหาย ให้การว่า ได้ออกจากบ้านเวลา 09.00 น. กลับมาบ้านเวลา 18.00 น. พบรั้วไม้เฌอร่าโดนงัด เข้าไปงัดประตูหลังบ้านแล้วคนร้ายเข้าไปขโมยเอาแหวนทอง 3 วง น้ำหนัก 1 สลึง 2 วง น้ำหนักครึ่งสลึง 1 วง โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง กระปุกออมสินธนบัตรฉบับละ 50 บาท และกระปุกออมสินไม้สะสมเงินเหรียญประมาณ 1500 บาท และกล้องวงจรปิดในบ้าน 1 ตัว ตนซึ่งเสียดายแหวนทองคำ 1 สลึงที่แม่ซื้อให้เป็นของขวัญตอนเรียนจบ และตนทำงานเก็บเงินซื้ออีก
พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล เปิดเผยว่า หลังรับแจ้ง พ.ต.ท.บรรจง พาโคตร สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี ได้ตรวจสอบภาพวงจรปิดภายในชุมชน พบผู้ชายรูปร่างอ้วนขี่รถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีแดงดำ วนเวียนอยู่ใกล้บ้านที่เกิดเหตุ และเส้นทางหลบหนี จึงตรวจสอบชื่อผู้ครอบครองรถ จนทราบว่ารถ จยย.คันนี้มีนายกอบเกียรติ เครือชัยแก้ว อายุ 31 ปี เป็นผู้ใช้รถ จึงรวบรวมหลักฐานขออนุมัติหมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี ติดตามจับกุมนายกอบเกียรติ ได้พร้อมของกลาง ได้ที่รีสอร์ทดังกล่าว จากนั้นจึงนำตัวมาทำการสอบสวนที่ สภ.เมืองอุดรฯ
พ.ต.ท.บรรจง พาโคตร เปิดเผยว่า จากการสอบสวน นายกอบเกียรติ ให้การรับสารภาพว่า เคยทำงานอยู่โรงงานยางใน จ.อุดรธานี ตอนนี้ตกงานมา 6-7 เดือน และเลิกกันกับแฟน ทำให้ไม่มีเงินใช้ จึงได้ขับขี่รถ จยย.ที่ยืมญาติมาใช้ ตระเวนงัดบ้านลักทรัพย์ในเขตเทศบาลนครอุดรธานี 3 หลัง ได้เงินหลังละ 1000 บาท และวันที่ 3 ส.ค. ได้ขี่รถตระเวนตระเวนดูเป้าหมาย เลือกบ้านที่ใส่กุญแจประตูบ้าน เพราะแสดงว่าเจ้าของบ้านไม่อยู่ จึงก่อเหตุเหตุงัดบ้านได้แหวนทองคำ 3 วง นำไปขายได้ 14,000 บาท นำไปใช้เที่ยวเตร่ใช้จ่ายในสถานบันเทิงผับเธคในอุดรธานีและขอนแก่น ทำตัวเหมือนเสี่ย บางครั้งก็ซื้อยาบ้ามาเสพ ครั้งละ 10 เม็ด กระทั่งมาถูกตำรวจจับ
จากนั้นนายกอบเกียรติได้ยกมือขอโทษ น.ส.มัลติกา จันทะบาล ผู้เสียหาย และนางเยาวรัตน์ ดวงขวาง อายุ 54 ปี ผู้ดูแลบ้านเช่า ที่ทำให้เดือดร้อน ซึ่งนางเยาวรัตน์ ได้ต่อว่านายกอบเกียรติด้วยความโมโหที่มาทำให้บ้านพังเสียหายเสียค่าซ่อมบ้าน และสงสารผู้เช่าที่โดนลักทรัพย์ เพราะว่าผู้เช่าต้องทำงานเก็บเงินซื้อทรัพย์สินมา หากพบตัวขณะนายกอบเกียรติก่อเหตุ เชื่อว่าจะโดนรุมสกรัมถ้าไม่เจ็บก็ตาย จากนั้นก็ได้มอบช่อดอกไม้ขอบคุณตำรวจที่จับคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว
น.ส.มัลติกาฯ กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุตนออกไปทำงาน หลังเลิกงานกลับมาพบว่าบ้านโดนงัด จึงได้สำรวจทรัพย์สินทรัพย์ที่สูญหายไปก่อนแจ้งผู้ดูแลบ้านเช่า รู้สึกเสียดายแหวนทองทั้ง 3 วง มี 1 สลึง 2 วง และครึ่งสลึงอีก 1 วง ที่สำคัญเป็นแหวนทองวงที่แม่ซื้อให้เรียนจบการศึกษา ส่วนที่จะไปไถ่ถอนแหวนทองคืนมา ก็คงยังไม่มีเงินตอนนี้ ก็ดีใจที่ตำรวจจับตัวคนร้ายได้
นางเยาวรัตน์ ตนเป็นผู้ดูแลบ้านเช่าให้เจ้าของบ้าน กล่าวว่า ผู้เสียหายมาเช่าตั้งแต่ต้นปี 2567 ตนมีหน้าที่ดูแลบ้านให้เจ้านาย ตนรู้สึกโมโหแทนผู้เสียหาย และไม่อยากให้เกิดเหตุแบบนี้ วันเกิดเหตุ น.ส.มัลติกา ได้ถ่ายรูปรั้วและประตูโดนงัดเสียหายส่งมาให้ ตนคิดว่าปลวกกินประตู จึงออกไปดูก็พบว่ามีร่องรอยคนร้ายพยายามงัดประตูหน้าบ้านแต่งัดไม่ได้ สงสารผู้เสียหาย ทรัพย์สินหายไปหลายรายการ ดีใจที่ตำรวจจับคนร้ายได้ ทำให้รู้สึกอุ่นใจขึ้น