จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ “ถุงตังค์ นับตังค์” ได้โพสต์ข้อความว่า #ขอสะท้อนกลับไปยังร้านขายทุเรียนร้านนึง ที่อยู่ตรงข้ามศาลเจ้า… เมื่อวานแวะซื้อทุเรียนมาแพ็คละ 150 บาท ภายนอกก็ดูดีแหละ ก็ดูสวยแหละ แต่แกะออกมามันบูด เหม็นเปรี้ยวบูดเน่าเลย ก็ได้ทำการทักแชทไปหา เขาก็ไม่อ่าน คอมเม้นไปในโพสต์ ก็ไม่ตอบ ไม่รู้ว่าไม่เห็นคอมเม้นหรือตั้งใจไม่ตอบนะคะ ล่าสุดหาโพสต์นั้นไม่เจอละ เราก็ไม่ได้อยากโพสต์ให้ร้านเสียหายหรอก แต่คุณเล่นไม่ตอบ ไม่หือไม่อืออะไรเลย เราซื้อเราก็อยากได้กินของอ่ะเนาะ แต่นี่มันบูดมันเน่า มันกินไม่ได้ ถึงมันจะราคาแค่ 150 บาท แต่มันก็เงินเนาะ ฝากไว้…ให้คิดและรับผิดชอบค่ะ ขอบคุณค่ะ พร้อมกับแชร์เรื่องราวไปยังอาหารสุรินทร์ ซึ่งมีผู้มาคอมเมนมากมายกับเรื่องทุเรียน ด้านแม่ค้าทุเรียนได้ไลฟ์ชี้แจงด้วยคำพูดที่ดุเด็ดเผ็ดมันส์จนเป็นกระแสดรามาในโลกโซเซียลและได้มีการลบไลฟ์นั้นออกไปแล้วพร้อมล็อคโปรไฟล์
วันที่ 29 สิงหาคม 2567 ผู้สื่อข่าวได้ไปที่ร้านทุเรียนพูลเพิ่มทรัพย์ เลขที่ 113/1 ถนนหลักเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ร้านปิดเงียบหลังจากเจอกระแสโซเซียลต่าง ๆนาๆ ที่ว่าคนสุรินทร์ ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ เพื่อขอพบนางพิรุณวรรณน์ จงใจภักดิ์ พาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ ทราบว่าได้มีผู้เสียหายมาร้องเรียน พร้อมกับรับเรื่องแล้วส่งเจ้าหน้าที่ไปดูที่ร้านดังกล่าว ปรากฏว่าวันนี้ที่ร้านปิด ต้องรอร้านเปิดถึงจะดำเนินการตรวจสอบและประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าทั้งคุ้มครองผู้บริโภค และเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะดำเนินการลงพื้นที่ตรวจสอบหาข้อเท็จจริงในวันที่ร้านเปิด
จากแหล่งข่าวแจ้งเข้ามาว่าทางเจ้าของร้านทุเรียนเตรียมฟ้องเกรียนคีย์บอร์ด ที่พากันเข้ามาเม้นอย่างเมามันส์
ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้อินบล็อกไปหาเจ้าของเฟซบุ๊ก ชื่อ “ถุงตังค์ นับตังค์”ที่โพสต์ข้อความดังกล่าว ขอสัมภาษณ์ แต่ขอให้ข้อมูลเป็นการพิมพ์นะคะ ไม่สะดวกสัมภาษณ์ค่ะ เมื่อวันก่อนช่วงบ่ายแก่ๆ ไปธุระแถวนั้นก็เลยแวะซื้อ ตอนเข้าไปก็เห็นหลากหลายราคา คนขายก็แจ้งว่าตรงนี้แพ็คละ 150 บาท 2 แพ็ค 200 บาท ก็เลือกมา 1 แพ็ค (เพราะกินคนเดียว) ก็มองดูแล้วก็ว่ามันโอเคแหละ เนื้อทรงดูสวยดี แช่ตู้เย็นด้วยคงไม่เสียหายอะไร ก็ซื้อมา ขับรถ 10 นาที ถึงบ้านก็แช่ตู้เย็นไว้ ทำโน่นนี่นั่นไป จนประมาน 5 โมงเย็นได้ เอาออกมาแกะพลาสติกออก กลิ่นบูดก็ลอยมาพร้อมเลย หยิบจับขึ้นดู ข้างล่างก็มีน้ำเยิ้มๆแฉะๆเละๆ ว่าจะเอาไปเปลี่ยนที่ร้านก็ไกล ขี้เกียจก็เก็บทุเรียนทิ้งไป ก็นั่งไถเฟสเล่นไปเรื่อย ละไปเห็นโพสต์ของร้านนั้นเขาโพสต์ลดราคาทุเรียน ก็เลยทักไปในแชท ว่าทุเรียนมันบูดนะ มันกินไม่ได้ เขาก็ไม่อ่าน เลยเข้าไปคอมเม้นในโพสต์นั้นว่าทักแชทนะคะ ก็เงียบอีก ผ่านไป 1 คืนก็เงียบ พอเช้าก็เลยเข้าไปดูโพสต์นั้นว่าเขาตอบอะไรมั้ย ก็เงียบอีก ก็เลื่อนดูในคอมเม้น มีคนๆนึงคอมเม้นว่าร้านเขารับประกันเนื้ออะไรสักอย่างนี่แหละ ก็เลยเข้าไปตอบกลับในคอมเม้นนั้น ว่าทุเรียนมันบูดนะคะ มันกินไม่ได้ แล้วโพสต์นั้นก็หายไป ก็เลยได้มาโพสต์ในกลุ่มอาหารสุรินทร์ เพื่ออยากให้เขาทราบหรือรับผิดชอบแหละหรืออย่างน้อยก็ขอโทษกันไป ถ้ามันจืดหรือไม่อร่อยก็พอรับได้แหละก็เราเลือกเอง แต่นี่มันบูด มันกินไม่ได้ ก็เลยเป็นที่มาของโพสต์ที่เราได้โพสต์ไปนี้ และก็มีคนมาคอมเม้นกันว่าโดนเหมือนกัน ก็ไม่คิดว่าจะมีคู่กรณีเยอะขนาดนี้ มีแค่นี้นะคะ อย่าไปตีไข่ใส่เพิ่มน๊าาา แค่นี้ก็ดราม่าสนั่นเมืองแล้ว ขอบคุณค่ะ
ทางด้านน้องแม็ค (สวมหมวกใส่แว่นตา ผู้เสียหายที่เคยซื้อทุเรียนร้านนี้ เล่าว่า ตนเคยมาซื้อทุเรียนร้านดังกล่าวประมาณ 2,000 บาทในเกรดพรีเมียม เพื่อนำมาทำขนมขาย ซึ่งเนื้อทุเรียนนั้นอย่าให้พูดเลย ซึ่งตนก็มาซื้อครั้งเดียวและไม่เคยมาซื้ออีกเลย
ในส่วนของนายวิภูษิต มีสิทธิ์ หรือทนายเบิร์ด ได้แนะนำข้อกฎหมายเรื่องดังกล่าวว่า ผู้ขายสินค้าควรนำสินค้าที่มีคุณภาพมาขายและต้องทานได้จริงๆ ถ้าเป็นของเสียหรือบูดเน่าไม่ควรนำมาขายแม้จะขายในราคาถูกก็ตาม และอาจมีความผิดตามข้อกฏหมายได้ ส่วนผู้ที่มาคอมเม้นต์แสดงความคิดเห็นต่างๆก็ควรอยู่ในขอบเขตอย่าหมิ่นประมาทเพราะอาจเกิดเรื่องราวเป็นคดีความได้เช่นกัน จึงอยากให้ทั้ง 2ฝ่ายคุยกันด้วยเหตุผลมากกว่าจะมาด่าทอกัน