วันที่ 30 สิงหาคม 2567 นายชัยรัตน์ ศรีโนนทอง ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 3 พร้อมด้วยนายเดช บำรุงหงส์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครพนม พล.ต.ฉัฐชัย มีชั้นช่วง ผอ.มทบ.210 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำในแม่น้ำโขงบริเวณลานพญาศรีสัตตนาคราช และสถานีวัดระดับน้ำบริเวณตำบลหนองแสง อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม โดย สทนช.3 ได้รายงานสถานการณ์น้ำแม่น้ำโขง และแจ้งประกาศการเฝ้าระวังผลกระทบจากระดับน้ำล้นตลิ่งบริเวณแม่น้ำโขง โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีปริมาณฝนตกหนักสะสมในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ซึ่งปัจจุบันมีน้ำไหลผ่านเขื่อนไซยะบุรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในอัตรา 17,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงและลำน้ำสาขาเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องอาจส่งผลกระทบต่อบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำการเกษตร แนวถนน ชุมชน บริเวณริมแม่น้ำโขง ในช่วงวันที่ 28 สิงหาคม 2567 ถึงวันที่ 1 กันยายน 2567
นายชัยรัตน์ ศรีโนนทอง ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 3 เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในภูมิภาค ตั้งแต่จังหวัดเลย บึงกาฬ หนองคายถึงนครพนม ขณะนี้มวลน้ำสะสมจากพื้นที่ตอนบนกำลังไหลลงสู่จังหวัดบึงกาฬ ทำให้ระดับน้ำในพื้นที่เพิ่มขึ้นประมาณ 30-40 เซนติเมตร เมื่อมวลน้ำดังกล่าวไหลลงมาถึงจังหวัดนครพนม คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบรุนแรง เนื่องจากระดับน้ำในตอนบนเริ่มลดลงอย่างรวดเร็ว และยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับวิกฤติ 1.40 เมตร อีกทั้งคาดว่าระดับน้ำในนครพนมจะเพิ่มขึ้นไม่เกิน 40 เซนติเมตร
ทั้งนี้ จังหวัดนครพนมได้เตรียมการรับมือสถานการณ์และเฝ้าระวังระดับน้ำโขงล้นตลิ่ง โดยบูรณาการร่วมกับส่วนราชการ หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ให้เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ ติดตามข้อมูลสภาวะอากาศ ข่าวสารจากทางราชการ และแจ้งเตือนให้ประชาชนและผู้ที่อาศัยในบริเวณพื้นที่เสี่ยงริมแม่น้ำให้ทราบและเตรียมความพร้อมจากสถานการณ์น้ำล้นตลิ่ง รวมถึงระมัดระวังการสัญจรและประกอบกิจกรรมในบริเวณแม่น้ำโขงและให้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมการเฝ้าระวังผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งบริเวณแม่น้ำโขง สำหรับเกษตรกรควรป้องกันผลิตผลทางการเกษตรที่อาจได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อน หรือ ต้องการความช่วยเหลือ ขอให้แจ้งขอความช่วยเหลือผ่านช่องทางทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” สายด่วนนิรภัย 1784 หรือโทรแจ้งเหตุขอความช่วยเหลือที่สายด่วน ศูนย์ดำรงธรรม 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง