รวบแล้วจอมโจรใจบาปตระเวนขโมยระฆังทองเหลืองเก่าแก่ 5 วัดที่บุรีรัมย์ ที่แท้มีอาชีพเก็บของเก่าขาย สารภาพเอาไปแปรสภาพขายตามร้านรับซื้อของเก่า ยอมรับกลัวบาปกรรมแต่อ้างจำใจทำเพราะรายได้ไม่พอเลี้ยงลูกน้อยและส่งงวดรถ
ความคืบหน้ากรณีที่มีคนร้ายไม่ทราบจำนวน คาดใช้รถยนต์เป็นยานพาหนะตระเวนก่อเหตุลักขโมยระฆังทองเหลืองตามวัดต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ หายไปแล้ว 5 วัดทั้งใน อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.นางรอง และ อ.ชำนิ โดยก่อเหตุทั้งในช่วงกลางวันและกลางคืน อาศัยช่วงที่พระสงฆ์ออกไปบิณฑบาต และสวดอภิธรรมศพญาติโยมที่เสียชีวิตลงมือก่อเหตุ สร้างความเดือดร้อนให้กับวัดต่างๆ หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.นางรอง เฉลิมพระเกียรติ และ สภ.ชำนิ ก็ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดตามถนน และสถานที่ต่างๆ เพื่อเป็นเบาะแสในการติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี
ล่าสุด (18 ก.ย.67) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.นางรอง และ สภ.เฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ร่วมกันจับกุมนายอัมภรณ์ หรือเล็ก อายุ 48 ปี ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์ ได้ที่ลานจอดรถห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในอำเภอนางรอง พร้อมของกลางรถยนต์ยี่ห้อนิสสัน สีดำ หมายเลขทะเบียน บห-3695 บุรีรัมย์ ที่ใช้เป็นยานพาหนะในการตระเวนก่อเหตุลักทรัพย์ ระฆังทองเหลืองเก่าแก่ตามวัดต่างๆ ในเขตพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์รวม 5 วัด จากนั้นได้นำตัวนายอัมภรณ์ ไปสอบสวน และดำเนินคดียังโรงพักในท้องที่ที่ก่อเหตุ
จากการสอบถามนายอัมภรณ์ หรือเล็ก ให้การว่า มีอาชีพตระเวนหาของเก่าตามบ้านเรือนและสถานที่ต่างๆ เพื่อคัดแยกและนำไปขายตามร้านรับซื้อของเก่า จึงอาศัยช่วงที่ตระเวนออกไปหาเก็บของเก่าตามสถานที่ต่างๆ ไปก่อเหตุขโมยระฆังทองเหลืองตามวัดในช่วงที่พระออกไปบิณฑบาต และไม่อยู่วัด ได้ระฆังไปทั้งหมด 6 ใบจากจำนวน 5 วัด คือ ช่วงเดือนกรกฎาคม 67 ที่วัดป่าโพธิ์แก้ว อ.ชำนิ ได้ระฆังไป 1 ใบ , วันที่ 18 สิงหาคม 67 ขโมยที่วัดบ้านสี่เหลี่ยม อ.เฉลิมพระเกียรติ ได้ระฆังไป 1 ใบ , วันที่ 24 สิงหาคม 67 ขโมยที่วัดสี่เหลี่ยม อ.นางรอง ได้ระฆังไป 1 ใบ , วันที่ 2 กันยายน 67 ขโมยที่วัดบ้านถนน อ.นางรอง ได้ระฆังไป 1 ใบ และวันที่ 15 กันยายน 67 ขโมยที่วัดหนองโสน อ.นางรอง ได้ระฆังไป 2 ใบ
หลังจากได้ระฆังไปแล้ว ก็จะนำไปตัดเป็นแผ่นแล้วนำไปขายที่ร้านรับซื้อของเก่าแห่งหนึ่ง ใน อ.หนองกี่ กิโลกรัมละ 100 บาท ระฆังลูกหนึ่งเมื่อชำแหละแล้วนำไปขายก็จะได้เงินลูกละ 2,000 – 3,000 บาทขึ้นอยู่กับน้ำหนัก อ้างว่าสาเหตุที่ทำไปเพราะตนทำงานคนเดียวหาเงินไม่ทัน เพราะมีภรรยาและลูกน้อยที่มีอาชีพเพียง 1 ขวบเศษต้องเลี้ยงดู บางส่วนก็เอาไปจ่ายค่างวดรถด้วย เมื่อถามว่าไปขโมยของในวัดไม่กลัวบาปเหรอ นายอัมภรณ์ ก็ตอบว่ากลัวแต่จำใจต้องทำเพราะรายได้ไม่พอค่าใช้จ่าย
อย่างไรก็ตามตำรวจยังไม่เชื่อในคำกล่าวอ้างของผู้ต้องหา ก็จะได้รวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป