กลุ่มเปราะบางชาวบุรีรัมย์ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ต่างให้ลูกหลานและคนรู้จักช่วยเช็คสิทธิ์ผ่านแอป “รัฐจ่าย” เพื่อตรวจสอบว่ารัฐจะโอนเงินดิจิทัล 10,000 บาทวันไหน ต่างดีใจยิ้มแก้มปริเมื่อรู้วันที่จะได้รับเงิน หลังจากรอมานานหลายเดือน เชื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพในภาวะเศรษฐกิจซบเซา กังวลหลังรัฐเริ่มจ่ายเงินสินค้าอุปโภคบริโภคจะปรับขึ้นตาม วอนรัฐช่วยควบคุมไม่ให้เกิดผลกระทล
(24 ก.ย.67) ประชาชนผู้มีรายได้น้อย ผู้สูงอายุ ซึ่งอยู่ในกลุ่มเปราะบางที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านตาดตรวน ต.ชุมเห็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ต่างให้ลูกหลานและคนรู้จัก นำเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก ช่วยตรวจเช็คสิทธิผ่าน “แอปรัฐจ่าย” ทางโทรศัพท์มือถือให้ เพื่อตรวจสอบว่าจะได้รับโอนเงินดิจิทัล 10,000 บาทวันไหน เพราะบางคนไม่มีโทรศัพท์มือถือของตัวเองและบางคนก็ทำเองไม่เป็น แต่พอให้ลูกหลานและคนที่มีมือถือตรวจสอบให้แล้ว ระบบแจ้งว่าจะได้รับโอนเงินวันไหน ต่างก็ดีใจ หลังจากที่รอคอยมานานหลายเดือน และดีใจที่รัฐบาลจะโอนให้เป็นเงินสดเพราะจะได้ใช้จ่ายสะดวก และใช้ในสิ่งที่แต่ละคนจำเป็น แต่หากรัฐให้ใช้ผ่านระบบดิจิทัลเหมือนก่อนหน้านี้ที่มีเงื่อนไขและข้อกำจัดมาก ก็ยังหนักใจว่าจะใช้ยังไง แต่พอรัฐประกาศจะจ่ายเป็นเงินสดโดยการโอนเข้าบัญชีก็ดีใจ เพราะแต่ละคนมีความจำเป็นในการใช้จ่ายเงินที่แตกต่างกัน
แต่ก็แอบกังวลว่าหลังจากรัฐบาลทยอยโอนเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่จะเริ่มโอนให้คนพิการก่อนในวันพรุ่งนี้ 25 ก.ย.67 สินค้าอุปโภคบริโภคจะปรับราคาขึ้นตามไปด้วย เพราะทุกวันนี้ข้าวของก็แพงขึ้นต่อเนื่องอยู่แล้ว จึงอยากให้รัฐบาล
นางสมบัติ ยิ้มจันทร์ อายุ 58 ปี และนางสงวน สำรวมรัมย์ อายุ 67 ปี ชาวบ้านตาดตรวน ต.ชุมเห็ด ซึ่งอยู่ในกลุ่มเปราะบางที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บอกว่า หลังตรวจเช็คสิทธิแล้วทราบว่าตัวเองจะได้รับเงินโอนวันไหนก็ดีใจ หลังจากรอมานานหลายเดือน ก็ตั้งใจว่าหากได้รับเงิน 1 หมื่นจะเอาไปซื้อข้าวสาร และของใช้ที่จำเป็น รวมถึงจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ก็เชื่อว่าจะแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้ โดยเฉพาะในยุคที่เศรษฐกิจย่ำแย่หากินยากลำบาก แต่ราคาสินค้ากลับแพงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ก็แอบกังวลว่าพอรัฐประกาศเริ่มโอนเงิน 1 หมื่นแล้ว ข้าวของก็จะปรับราคาขึ้นอีก จึงอยากฝากให้รัฐบาลช่วยควบคุมราคาสินค้าไม่ให้สูงขึ้นมากกว่านี้ ไม่งั้นได้เงิน 1 หมื่นมาแต่ของแพงขึ้นก็ไม่ได้ช่วยอะไร