วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหารจัดพิธีบวงสรวงพญานาคทั้ง 7 องค์ผู้ปกปักรักษาองค์พระธาตุพนมก่อนเทศกาลออกพรรษาชาวไทยชาวลาวทั่วทุกสารทิศทางนุ่งขาวห่มขาวร่วมพิธีแน่นวัดเชื่อเป็นบุญกุศลทำให้มีความสุขและเจริญรุ่งเรืองตลอดไป
เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2567 ที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร พระอารามหลวง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม พุทธศาสนิกชนทั่วทุกสารทิศ ทั้งชาวไทยและชาวลาวมาร่วมประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์ประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์ ในวันสัตตนาคารำลึก ซึ่งถือเป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญสืบทอดมายาวนานกว่า 67 ปีและจะจัดในช่วงก่อนเทศกาลออกพรรษาคืนวันขึ้น 5 ค่ำเดือน 11 ของทุกปีโดยความร่วมมือของจังหวัดนครพนมคณะสงฆ์จังหวัดนครพนมและพุทธศาสนิกชนทั่วสารทิศรวมถึงผู้ที่มีความเคารพเลื่อมใสศรัทธาต่อองค์พญานาคเพื่อเป็นการสักการะบูชาพญานาคหรือองค์สัตตนาคา ทั้ง 7 ตนตามความเชื่อและยังเป็นผู้ดูแลปกปักรักษาองค์พระธาตุพนมสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองโดยภายในได้บรรจุพระอุรังคธาตุหรือกระดูกส่วนหน้าอกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและเป็นโอกาสสำคัญที่สมเด็จพ่อพญานาคหรือองค์สัตตนาคาจะประทับร่างทรงโปรดพุทธศาสนิกชนที่มาร่วมในงาน
หน่วยภายในพิธีศักดิ์สิทธิ์สัตตนาคารำลึกหรือพิธีบวงสรวงบูชาพญานาคจะมีการนำพานบายศรีรูปพญานาคจัดวางเป็นที่ประทับ 7 องค์พร้อมเครื่องเซ่นไหว้ผลไม้และดอกไม้ธูปเทียนมาทำพิธีสักการะบูชาสวดเจริญภาวนา พร้อมรำถวาย ตั้งแต่ช่วงหัวค่ำไปจนถึงเวลา ตี 2 ซึ่งถือเป็นเวลาสำคัญเชื่อว่าพญานาคทั้งหมดจะเสด็จลงมาประทับร่างทรงโดยจะมีประชาชนพบเห็นเหตุการณ์ปาฏิหาริย์มีแสงพวยพุ่งมาจากองค์พระธาตุพนมและมีการเกิดเงาพระธาตุบนท้องฟ้าเป็นประจำทุกปีเชื่อว่าเป็นการแสดงปาฏิหาริย์ขององค์พญานาคทั้งนี้มีทั้งชาวไทยและชาวลาวร่วมพิธีเป็นจำนวนมากแน่นขนาดบริเวณในองค์พระธาตุพนม
ซึ่งพิธีบวงสรวงพญานาคหรือวันสัตตนาคารำลึก มีเรื่องเล่าต่อกันมาว่าเกิดขึ้นจากในคืนวันขึ้น 5 ค่ำเดือน 11 พ.ศ 2500 มีชาวบ้านอำเภอธาตุพนมเห็นแสงประหลาดเท่าลำต้นตาลขนาดใหญ่มี 7 สีพุ่งแหวกอากาศแห่งกัลป์จากทางทิศเหนือก่อนจะหายเข้าไปในองค์พระธาตุพนมต่อมามีการประทับร่างทรงสามเณรพร้อมบอกว่าลำแสงที่เห็นเป็นพญานาค 7 องค์เชื่อว่าหากได้มาร่วมพิธีถือว่าเป็นบุญกุศลจะทำให้มีความสุขและความเจริญรุ่งเรืองตลอดไป