หลายภาคส่วนลงขันงบประมาณปราบยาเสพติด “โนนสูงโมเดล”ล็อคหมู่บ้านตรวจฉี่ เจอให้พระเทศแล้วส่งบำบัดชาวบ้านชื่นใจน่าจะมีโครงการนี้มานาน ขณะนักการเมืองประกาศหลังมีเสียงจากกลุ่มเสพยาว่าจะไม่เลือกอีก ระบุไม่สนใจถ้าคะแนนเสียงจะเสียเพราะกลุ่มเสพยา
วันที่ 7 ต.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 04.00 น.ที่ผ่านมา ที่บ้านโนนสูง ต.บ้านแพ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ตำรวจ สภ.คูเมือง ,ตำรวจหมู่บ้าน ,ฝ่ายปกครอง อ.คูเมือง,สาธารณสุข อ.คูเมือง และ อบต.บ้านแพ ได้ร่วมกันปิดทางเข้าออกหมู่บ้าน และช่องทางออกหมู่บ้านทุกช่องทางเพื่อทำการตรวจปัสสาวะแบบเอ็กซ์เรย์ชาวบ้านตั้งแต่อายุ 13-60 ปี เพื่อหาสารเสพติด ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการ”รวมพลังรักศรัทธาหมู่บ้านสีขาวต้นแบบปลอดยาเสพติด”ชาวบ้านหลังทราบข่าวต่างออกมาให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีโดยไม่เกรงว่าบุตรหลานจะตรวจพบสารเสพติดหรือไม่
นายทัน ประจบจันทร์ อายุ 59 ปี อยู่เลขที่ 133 หมู่ 1 ต.บ้านแพ อ.คูเมือง กล่าวว่า ยอมรับว่าไม่รู้มาก่อนว่าจะมีการตรวจปัสสาวะชาวบ้าน รู้สึกดีใจที่มีโครงการแบบนี้ ที่ผ่านมาตนรู้ว่าลูกชายอายุ 35 ปี เสพยาเสพติดแต่ไม่รู้จะไปปรึกษาใคร เพราะแต่ละหน่วยงานต่างไม่มีทางออกเช่นเดียวกันเพราะแค่เสพ เมื่อเห็นแล้วรู้สึกโล่งใจอยากให้โครงการนี้ทำอย่างต่อเนื่อง
พ.ต.อ.สมชัย โสภณปัญญาภรณ์ ผกก.สภ.คูเมือง กล่าวว่าโครงการดังกล่าวยอมรับว่าเบาแรงตำรวจเป็นอย่างมาก เพราะมีหลายหน่วยงานเข้ามาร่วมกัน ที่ผ่านมาการปราบยาเสพติดตำรวจทำตามที่กำลังเจ้าหน้าที่มีอยู่ ไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องได้ การปิดล้อมหมู่บ้านในครั้งนี้นอกจากจะเป็นการปรามแล้ว ยังเป็นการให้ขวัญและกำลังใจชาวบ้านได้ดีอีกด้วย
ขณะที่นายมนูญศักดิ์ นามประเทือง นายอำเภอคูเมืองกล่าวหลังทำการตรวจปัสสาวะชาวบ้านช่วงแรก ว่าหมู่บ้านโนนสูงมีผู้อายุ 13-60 ปีจำนวน 303 คน ภาคเช้าทำการตรวจได้ 103 คน พบมีฉี่สีม่วง 14 คน หรือประมาณร้อยละ 10 ของจำนวนประชากรที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูง คนเหล่านี้จะเอาไปบำบัดที่ว่าการอำเภอคูเมือง ซึ่งได้เตรียมสถานที่ไว้หมดแล้ว หลังจากนี้จะทำการปิดหมู่บ้านตรวจปัสสาวะในลักษณะนี้ทุกหมู่บ้านใน อ.คูเมือง ซึ่งเป็นอำเภอนำร่อง โดยไม่มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า สิ่งที่ประทับใจคือทุกคนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยเฉพาะผู้ปกครอง
ด้านนายโสภณ ซารัมย์ ประธานที่ปรึกษามูลนิธิอาณัติพณ ซารัมย์(ลูกเติ้ง)และ สส.พรรคภูมิใจไทย จังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้คือประมาณ 1 ปีที่ผ่านมานโยบายปราบยาเสพติดทางมูลนิธิฯ ได้เป็นคนริเริ่มโครงการและทดลองมาแล้วหลายรูปแบบ แต่ยังไม่ถือว่าประสบความสำเร็จมากนัก ผู้ที่เข้าบำบัดในครั้งแรกที่มูลนิธิฯทำขึ้น ส่วนใหญ่หันมาเสพอีก มีเพียง 5-10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ไม่หวนกับมาเสพครั้งนี้ถือเป็นอีก 1 โครงการที่เชื่อได้ว่าจะได้ผลเป็นรูปธรรม เพราะมีหลายหน่วยงานร่วมมือกัน ฝ่ายท้องถิ่นและฝ่ายตำรวจเป็นฝ่ายค้นหากลุ่มเสี่ยง สาธารณสุขเข้ามาดำเนินการ และจะมีแผนสำรองเอาไว้รองรับกลุ่มที่เข้าไปบำบัด อย่างน้อยการปิดหมู่บ้านถือเป็นการปรามกลุ่มคิดจะเสพหรือเพิ่งเสพได้ในระดับหนึ่ง
นายโสภณ กล่าวด้วยว่าจริงแล้วงบประมาณของรัฐบาลที่ตั้งให้หน่วยงานทุกหน่วยงาน จะมีส่วนหนึ่งเอาไว้เรื่องปราบยาเสพติดอยู่แล้ว แต่กลับต่างคนต่างทำจึงไม่เกิดผลครั้งนี้จึงขอความร่วมมือทุกหน่วยงานทั้งท้องถิ่น ฝ่ายปกครอง สาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงภาคเอกชนเช่นมูลนิธิฯ เอางบประมาณมาลงขันกันร่วมกันปราบปรามยาเสพติด ใครมีแผนหรือนโยบายที่ดีเอามาปรึกษากันก่อนจะคลอดนโยบายดังกล่าวขึ้น
นายโสภณ กล่าวอีกว่าก่อนหน้านี้มีเสียงจากกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดว่า ถ้าเข้าไปรบกวนการทำงานของกลุ่มนี้ จะให้กลุ่มผู้ใช้ยาเสพติดต่อต้านคือจะไม่เลือกนายก อบต.หรือนายกเทศบาล และ สส.ยอมรับว่ามีนายกฯหลายพื้นที่มาปรึกษาจึงได้ประกาศไปว่า หากนายกฯพื้นที่ใดเกรงจะเสียคะแนนหากไปรบกวนกลุ่มนักค้ายาเสพติด ให้เลิกเล่นการเมืองไปเลย เพราะยังมีคนที่ตั้งใจจะทำงานเพื่อสังคม และต้องการต่อต้านยาเสพติดอีกเป็นจำนวนมาก นายโสภณ….กล่าว