หญิงวัย 43 ชาว อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ บุกร้องศูนย์ดำรงธรรม โดนครูสาวสุดแสบที่คบหาเป็นเพื่อนกันมากว่า 1 ปี หลอกใช้ชื่อซื้อ จยย. อ้างไม่มีรถขับสอนหนังสือแต่ใช้ชื่อตัวเองออกไม่ได้เพราะติดแบล็คลีสต์ แต่พอจ่ายเงินดาวน์เสร็จผ่อนงวดเดียวเบี้ยวไม่จ่ายกว่า 2 ปี จนถูกไฟแนนซ์ฟ้องยักยอกทรัพย์ เผยที่ผ่านมาเคยไปตามที่บ้านแต่กลับโดนแม่ครูถือมีดไล่ฟัน ล่าสุดนำหลักฐานแจ้ง ตร.แล้ว เพื่อนบ้านแฉครูเคยมีพฤติกรรมหลอกซื้อแล้วหลายคัน
(29 ต.ค.67) นางสาวปราณี อายุ 43 ปี ชาว ต.บ้านสิงห์ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ นำเอกสารหลักฐานเข้าร้องขอความเป็นธรรมและขอความช่วยเหลือที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอนางรอง โดยอ้างว่าถูก น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 41 ปี ข้าราชการครูผู้หญิงคนหนึ่งที่คบหาเป็นเพื่อนสนิทกันมากว่า 1 ปี หลอกใช้ชื่อซื้อดาวน์รถจักรยานยนต์ให้ เนื่องจากชื่อครูติดแบล็คลิสต์ไม่สามารถใช้ชื่อตัวเองดาวน์รถได้ ทั้งบอกว่าไม่มีรถขับไปสอนหนังสือ ด้วยความที่สงสารเพื่อนและเห็นว่าเป็นถึงข้าราชการครู ทั้งรู้จักทั้งกับสามีและแม่ของครูคนดังกล่าวด้วย จึงเชื่อใจยอมใช้ชื่อตัวเองซื้อดาวน์รถจักรยานยนต์ให้ตามที่เขาขอร้อง เมื่อช่วงประมาณเดือน มิ.ย.65 โดยวันที่ไปดาวน์รถในตัวเมืองบุรีรัมย์สามีครูเป็นคนจ่ายเงินดาวน์เองจำนวน 5,500 บาท ซึ่งตามสัญญาเช่าซื้อรถคันดังกล่าวต้องผ่อนชำระทั้งหมด 60 งวด ๆละ 2,759 บาท รวมต้องจ่ายทั้งต้นและดอกเบี้ยเกือบ 160,000 บาท แต่หลังจากที่ซื้อดาวน์รถไปแล้ว น.ส.เอ เพื่อนที่เป็นครูก็เอารถ จยย.ไปใช้ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งที่ จ.สุรินทร์ แต่จ่ายค่างวดเพียงงวดแรกงวดเดียว หลังจากนั้นมีเอกสารจากไฟแนนซ์ส่งมาทวงถามว่าค้างค่างวด 5 งวด ตนก็ตกใจพยายามติดต่อหาครูคนดังกล่าว เขาก็บอกว่าจะรับผิดชอบหาเงินไปจ่ายเอง ตนก็เชื่อใจนึกว่าเขาจะรับผิดชอบตามที่รับปาก
กระทั่งล่าสุดได้รับหมายศาลจังหวัดนางรอง ถูกไฟแนนซ์ฟ้องร้องฐานยักยอกทรัพย์ เนื่องจากมีการค้างชำระค่างวดรถจักรยานยนต์ถึง 2 ปี โดยบริษัทแจ้งให้นำรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นทรัพย์สินของบริษัทไปส่งคืน และชำระเงินที่ค้างอีกกว่า 90,000 บาท ก็ตกใจมากไม่คิดว่าคนที่เป็นข้าราชการครูและเพื่อนกันจะทำกันได้ลงคอ พยายามติดต่อหาก็ถูกบล็อกเบอร์ พอไปหาที่บ้านก็เจอแม่ของครูถือมีดไล่ฟัน ตอนนี้เดือดร้อนมากเครียดหนักไม่รู้จะทำยังไง เพราะนอกจากจะถูกครูหลอกใช้ชื่อซื้อรถถูกฟ้องร้องแล้ว ยังตกงานอีกด้วย เบื้องต้นก็ได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.นางรอง เพื่อให้ตำรวจช่วยติดตามรถคืนและจะดำเนินคดีตามกฎหมายกับครูคนดังกล่าวต่อไป ส่วนที่ตัวเองโดนไฟแนนซ์ฟ้องก็ยังไม่รู้จะหาทางออกยังไง จึงได้มาร้องขอความช่วยเหลือที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอนางรอง
เบื้องต้นนายจักร์กฤษ ร่วมกูล ปลัดอำเภอนางรองฝ่ายศูนย์ดำรงธรรม ก็ได้รับเรื่องร้องเรียนไว้เพื่อประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาแนวทางช่วยเหลือ ตามกระบวนการขั้นตอนต่อไป
จากนั้นทีมข่าวได้เดินทางไปยังบ้านของข้าราชการครูที่ผู้เสียหายกล่าวอ้างถึง แต่ไม่พบครูคนที่ถูกกล่าวหา พบเพียง นางแดง (นามสมมติ) อายุ 61 ปี แม่ของข้าราชการครู ก็ให้ข้อมูลเพียงว่า ลูกสาวไปสอนหนังสืออยู่โรงเรียนแห่งหนึ่งที่ จ.สุรินทร์ พอสอบถามว่าทราบเรื่องที่ครูให้เพื่อนใช้ซื่อซื้อดาวน์รถจักรยานยนต์แล้วค้างค่างวดหรือไม่ ผู้เป็นแม่ก็บอกว่า ไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น ต้องสอบถามลูกสาวเอง ส่วนที่ น.ส.ปราณี กล่าวหาว่าตนถือมีดจะไล่ฟันนั้น ก็ชี้แจงว่า น.ส.ปราณี มาด่าตนด้วยถ้อยคำหยาบคายก่อนทั้งที่ตนเองไม่รู้เรื่องอะไรด้วย ก็บอกเขาว่าให้คุยกับลูกสาวเอง แต่ตอนที่เขามาลูกสาวกับลูกเขยไปทำงาน แต่เขาก็ยังมายืนด่าตนจึงถือมีดขู่เท่านั้นไม่ได้จะฟันเขา ยอมรับว่าโกรธที่เขามาด่าหยาบคายทั้งที่เมื่อก่อนตอนที่แม่ขายก๋วยเตี๋ยวเวลาเขาไม่มีเงินก็ไม่ได้จ่ายเงินติดไว้ตลอด
ซึ่งทีมข่าวได้สอบถามจากเพื่อนบ้านในหมู่บ้าน ก็ให้ข้อมูลว่าครู และสามีเคยมีพฤติกรรมหลอกให้คนอื่นซื้อดาวน์รถให้เป็นปัญหาลักษณะนี้มาแล้วหลายคัน แต่ไม่ขอให้สัมภาษณ์เพราะไม่อยากมีปัญหา