สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกาฬสินธุ์ เดินหน้าพัฒนาศักยภาพเครือข่ายเกษตรกรชาวภูไทผู้ปลูกข้าวเขาวง มาตรฐาน GI ตำบลหนองห้าง อำเภอกุฉินารายณ์ เพื่อน้อมนำแนวพระราชดำริในการประกอบอาชีพที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พร้อมส่งเสริมปลูกป่า 3 อย่างประโยชน์ 4 อย่าง ตามแนวพระราชดำริ โดยพื้นที่ 1 ไร่ สามารถลดรายจ่ายครัวเรือนได้ 9,000 บาท และเพิ่มรายได้เฉลี่ย 10,000 บาทต่อปี
เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2564 ที่โรงเรียนหนองห้างพิทยา ต.หนองห้าง อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ นายพิชิต สมบัติมาก ผู้ช่วยปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายเกษตรปลูกข้าวเขาวง เพื่อน้อมนำแนวพระราชดำริ ในการประกอบอาชีพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และส่งเสริมการปลูกป่า 3 อย่างเพื่อประโยชน์ 4 อย่าง ตามแนวพระราชดำริ ภายใต้โครงการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามแนวพระราชดำริและกิจการพิเศษ ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประจำปี 2564
โดยมีนายอัครพงษ์ เขียวแจ่ม ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.กาฬสินธุ์ (ทสจ.) นายประดิษฐ สุดชาดา ผู้อำนวยการส่วนสิ่งแวดล้อม นายวิทยา อัฐนาค นายก อบต.หนองห้าง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงาน ทสจ.กาฬสินธุ์ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ คณะครู ผู้นำชุมชน เกษตรกรชาวภูไท ใน ต.หนองห้าง เข้ารับการอบรมโดยการปฏิบัติจริง 5 ฐานเรียนรู้ ซึ่งทุกคนที่เข้าร่วมอบรม ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด
นายอัครพงษ์ เขียวแจ่ม ผู้อำนวยการสำนักงาน ทสจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำนักงาน ทสจ.กาฬสินธุ์ มุ่งเน้นพัฒนาศักยภาพเครือข่ายคนปลูกข้าวเขาวง ซึ่งเป็นข้าวคุณภาพดีและได้รับการรับรองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical indication : GI) ซึ่งมีเครือข่ายเกษตรกรผู้ปลูกข้าวเขาวง ในพื้นที่ใช้น้ำลำพะยังตอนบน เขต ต.หนองห้าง ต.นาโก อ.กุฉินารายณ์, ต.บ่อแก้ว อ.นาคู และหลายตำบลใน อ.เขาวง รวมเนื้อที่ประมาณ 1 แสนไร่ โดยมีสภาพพื้นที่และภูมิอากาศที่เอื้ออำนวยในการปลูกข้าวเขาวงคุณภาพสูง ประกอบกับเอกลักษณ์ของการเป็นชนเผ่าภูไท ซึ่งมีวิถีการดำเนินชีวิตและดำนาแบบดั้งเดิมตามธรรมชาติ ผลิตข้าวทุกเม็ดอย่างพิถีพิถัน ทำให้ข้าวเขาวงมีคุณภาพดีและเป็นที่ต้องการของตลาด สามารถเพิ่มมูลค่าและสร้างเศรษฐกิจให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็ง
ด้านนายพิชิต สมบัติมาก ผู้ช่วยปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีนโยบายสนับสนุนสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.กาฬสินธุ์ จัดโครงการดังกล่าวขึ้นมา เพื่อน้อมนำแนวพระราชดำริ ในการประกอบอาชีพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และส่งเสริมการปลูกป่า 3 อย่างเพื่อประโยชน์ 4 อย่าง ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ภายใต้โครงการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามแนวพระราชดำริและกิจการพิเศษ ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประจำปี 2564 โดยกำหนด ต.หนองห้าง ซึ่งมีเกษตรกรผู้ปลูกข้าวเขาวงจำนวนมาก และได้ผลผลิตสูง เป็นจุดนำร่องจัดโครงการ
นายพิชิตกล่าวอีกว่า สำหรับการส่งเสริมการปลูกป่า 3 อย่างเพื่อประโยชน์ 4 อย่าง ตามแนวพระราชดำริ ในที่ดินทำกินให้เป็นป่าครอบครัว เป็นการเพิ่มสมดุลของระบบนิเวศน์และเป็นแหล่งอาหาร รวมทั้งให้เกษตรมีต้นไม้ไว้เป็นหลักทรัพย์และภูมิคุ้มกันของครอบครัวในอนาคต โดยเฉพาะในสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ที่จะสามารถสร้างแหล่งผลิตอาหารจากป่า เกิดอาหารป่าตามฤดูกาล ช่วยลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนได้เป็นอย่างดี โดยผลจากการประเมินค่าป่าครอบครัวที่สมบูรณ์ 1 ไร่ สามารถลดรายจ่ายครัวเรือนได้ 9,000 บาท และเพิ่มรายได้เฉลี่ย 10,000 บาทต่อปีทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ในการอบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายเกษตรกรปลูกข้าวเขาวง ต.หนองห้าง ดังกล่าว ยังเป็นการเสริมองค์ความรู้แก่เกษตรกรคนปลูกข้าวเขาวง ต.หนองห้าง นำไปปรับใช้ในการทำนาและการดำเนินชีวิตได้หลายหลากรูปแบบ โดยมีการจัดฐานเรียนรู้ 5 ฐาน ประกอบด้วยฐานเรียนรู้ที่ 1 การดูแลและใช้ประโยชน์จากป่าชุมชน, ฐานเรียนรู้ที่ 2 ไม้มีค่าป่าครอบครัว สร้างป่าสร้างรายได้, ฐานเรียนรู้ที่ 3 นวัตกรรมธนาคารน้ำใต้ดิน, ฐานเรียนรู้ที่ 4 การจัดการขยะมูลฝอยในครัวเรือน และฐานเรียนรู้ที่ 5 แนวทางการปลูกเสริมไม้มีค่าในสวนยางพารา