
จากกรณี จ.ส.อ.มนัส ขันภิบาล อายุ 54 ปี สารวัตรทหาร สังกัด มทบ.24 จ.อุดรธานี เมาแล้วใช้อาวุธปืน .38 ยิง น.ส.ณัฐพร นุราช หรือยุ้ย อายุ 41 ปี ภรรยา กระสุนโดนแก้มซ้ายทะลุท้ายทอย 1 นัด ได้รับบาดเจ็บสาหัส นอนจมกองเลือดอยู่หน้าบ้าน ข้างรถยนต์ปิกอัพยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ ที่ภรรยาขับมาจอดและลงมาเปิดประตูหน้าบ้าน เจ้าหน้าที่รับนำตัวส่ง รพ.ศูนย์อุดรธานี จนท.ตำรวจได้เข้าควบคุมตัว จ.ส.อ.มนัส พร้อมอาวุธปืน 1 กระบอก กระสุนปืน 4 นัด ปลอกกระสุน 2 ปลอก อ้างว่าโกรธที่ภรรยาไปกู้เงินนอกระบบ แล้วไม่จ่าย ทำให้แก๊งค์ทวงหนี้ตามทวงถึงหน้าบ้าน ทำให้ตัวเสียศักดิ์ศรี เมื่อภรรยากลับมาจึงมีปากเสียงกัน ด้วยอาการเมาเหล้าจึงยิงปืนออกไปเพื่อขู่ไม่ได้ตั้งใจยิงให้ตาย เหตุเกิดกลางดึกคืนวันที่ 23 มกราคม ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น







ความคืบหน้า เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 24 มกราคม 2568 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเกิดเหตุ เลขที่ 420 หมู่ 4 บ้านดงหนองโพธิ์ ต.เชียงยืน อ.เมือง จ.อุดรธานี พบว่าบ้านปิดประตูรั้ว ห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปภายใน จึงได้เดินข้ามถนนไปพบ น.ส.ทิพยรัตน์ มีชั้นช่วง อายุ 47 ปี ผญบ.บ้านดงหนองโพธิ์ บ้านที่อยู่ตรงข้ามบ้านเกิดเหตุ ซึ่งได้เปิดเผยว่า น.ส.ณัฐพร ได้เข้าห้องผ่าตัดเมื่อเช้านี้ เพราะกระสุนฝังใน ญาติผู้บาดเจ็บอยู่ที่ จ.เชียงราย ได้โทรศัพท์หาแพทย์ที่รักษา อนุญาตให้ผ่าตัดได้ และกำลังเดินทางมา จ.อุดรธานี
น.ส.ทิพยรัตน์ ฯ กล่าวต่อไปว่าส่วนสาเหตุที่ จ.ส.อ.มนัส ยิงภรรยาจนได้รับบาดเจ็บ น่าจะมาจากเรื่องเมียไปกู้เงินนอกระบบมา เพราะหลานของผู้ก่อเหตุเล่าว่า เช้าวันเกิดเหตุมีผู้ชายขับรถปิกอัพ 4 ประตูมาทวงหนี้ที่บ้าน พูดเสียงดัง ขณะนั้น จ.ส.อ.มนัส อยู่บ้าน หลังมาทวงรอบเช้าแล้วรอบบ่ายก็มาอีกพูดประมาณว่าน.ส.ณัฐพร ไม่จ่ายเงินมาประมาณ 10 วันแล้ว ติดหนี้เยอะมาก เตรียมหาเมียใหม่ได้เลย คงจะทำให้สามีโกรธ เพราะเหมือนเป็นการข่มขู่ ทำให้อับอาย เสียศักดิ์ศรีที่เป็นทหาร จึงเป็นเหตุให้ทั้ง 2 คนทะเลาะกัน
จากนั้นเมียก็ขับรถปิกอัพออกไปนอกบ้าน ส่วนสามีก็นั่งดื่มเหล้าอยู่บ้าน และได้ขี่รถออกไปตามเมียแต่ไม่พบ พอเมียขับรถกลับมาบ้าน และกำลังเดินลงไปเปิดประตูรั้ว ก็ได้ยินเสียงปืนดัง 2 นัด น.ส.ณัฐพร ถูกยิงที่โหนกแก้มซ้ายล้มลง ปกติสามีภรรยาคู่นี้ก็มีเสียงทะเลาะกันบ้าง เป็นเรื่องปกติ แต่ก็ไม่รุนแรงถึงขั้นต้องยิงกัน ตนอยู่บ้านใกล้ ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว เพราะเป็นเรื่องครอบครัว บ้านก็จะปิดรั้ว เราก็อยู่บ้านของเรา ได้แต่มองดู แต่พอได้ยิงเสียงปืนก็รีบลงมาดู โชคดีที่ จ.ส.อ.มนัส ยังมีสติไม่กราดยิง
ต่อมาในเวลา 12.30 น.วันเดียวกัน พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี ได้สั่งให้นำตัว จ.ส.อ.มนัส จากห้องควบคุมมาทำการสอบถามถึงสาเหตุที่ยิงเมีย ซึ่ง จ.ส.อ.มนัส ฯ ที่หลังสร่างเมาแล้ว และมีสีหน้าเรียบเฉย ได้ตอบคำถามตามปกติ โดยใช้เวลาในการสอบถามประมาณ 20 นาที ก่อนนำตัวไปควบคุมไว้เพื่อรอการสอบสวน หลังจากนั้น ร.ต.อ.ภิมุข สุวรพันธ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ย่อยห้วยหลวง อ.เมืองอุดรธานี พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ได้นำ จ.ส.อ.มนัส มาไว้ที่ห้องควบคุม สภ.เมืองอุดรธานี เช้าตรู่วันนี้ มีทหารจาก มทบ.24 จำนวน 3 นาย เดินทางมาเข้าเยี่ยม และมีสารวัตรทหาร เดินทางมาขอดูสำนวนการสอบสวน และขอให้ส่ง จ.ส.อ.มนัส ไปให้ทหารพระธรรมนูญในวันนี้
พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุ ตำรวจชุดสืบสวน ก็เข้าไปที่เกิดเหตุ และควบคุมตัว จ.ส.อ.มนัส ในที่เกิดเหตุ การที่ข้าราชการยิงภรรยามาจากสาเหตุส่วนตัว สามีภรรยาอยู่กินกันมา 20 ปี ไม่ได้จดทะเบียนสมรส และไม่มีบุตรด้วยกัน มีสาเหตุโกรธเคืองจากภรรยาชอบไปกู้หนี้ยืมสิน ทำให้สามีซึ่งเป็นข้าราชการต้องอับอาย วันเกิดเหตุสามีได้ดื่มสุราและทะเลาะมีปากเสียงกัน ภรรยาได้ขับรถออกไปนอกบ้าน สามีก็ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามไป แต่ไม่พบภรรยาทำให้สามีกลับมาบ้านก่อน พอภรรยาขับรถมาจอดหน้าบ้าน แล้วลงมาเปิดประตูรั้วบ้าน สามีก็ยิงปืนสวนออกไป 2 นัด
พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ กล่าวต่อไปอีกว่า ซึ่งตำรวจได้ควบคุมตัวและยึดอาวุธปืน เป็นปืนไม่มีทะเบียน เป็นปืนลูกโม่บรรจุกระสุน 6 นัด ยิงไปแล้ว 2 นัด ปลอกกระสุนอยู่ในโม่ ก็สอดคล้องกับคำให้การ ส่วนอาการของภรรยาก็ยังน่าเป็นห่วง เพราะมีอาการสาหัส จึงแจ้งข้อหา จ.ส.อ. “พยายามฆ่า และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” วันนี้ได้มีนายทหารพระธรรมนูญ มาขอเข้าร่วมรับฟังการสอบสวนตามที่ จ.ส.อ.มนัส ร้องขอ จึงต้องให้สิทธิตามกฎหมาย ส่วนการทำแผนยังไม่มี เพราะผู้ต้องหาให้การภาคเสธว่ายิงขู่ ไม่ได้ตั้งใจฆ่า