จังหวัดกาฬสินธุ์ ร่วมกับสถานีพัฒนาที่ดินจังหวัดกาฬสินธุ์ จัดงานวันดินโลก ปี 2564 ในรูปแบบนิทรรศการกิจกรรมเสริมสร้างครามรู้ ภายใต้แนวคิด “พิชิตดินเค็ม เติมเต็มผลผลิต สร้างชีวิตเกษตร” เพื่อรำลึกและสำนึกพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
ที่สถานีพัฒนาที่ดิน จ.กาฬสินธุ์ นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ มอบหมายนายพิชัย ส่งสุขเลิศสันติ ปลัด จ.กาฬสินธุ์ เป็นประธานเปิดกิจกรรม “วันดินโลก” (World Soil Day) ปี 2564 โดยมีนายสันติ จัตุพันธ์ นายอำเภอยางตลาด นายอรรถวุฒิ กรุงแสนเมือง ผู้อำนวยการสถานีพัฒนาที่ดิน จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยส่วนราชการสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม หมอดินอาสา ร่วมงาน กิจกรรมมีการนิทรรศการกิจกรรมเสริมสร้างครามรู้ ภายใต้แนวคิด พิชิตดินเค็ม เติมเต็มผลผลิต สร้างชีวิตเกษตร
นายพิชัย ส่งสุขเลิศสันติ ปลัด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 70 ปี แห่งการครองราชย์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงดำรงมั่นอยู่ในทศพิธราชธรรม และทรงยึดมั่นในพระปฐมบรมราชโองการ “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” อีกทั้งทรงพระวิริยอุตสาหะปฏิบัติบำเพ็ญพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่นานัปการ ทรงทุ่มเทพระวรกาย เพื่อประชาชนให้ได้รับความร่มเย็น นำความผาสุกมาสู่ประเทศโดยถ้วนหน้า บนหลักของการเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างบูรณาการ ก่อให้เกิดประโยชน์สุขต่อชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรและความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม เป็นที่มาของการทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายรางวัล “นักวิทยาศาสตร์ดินเพื่อมนุษยธรรม” เป็นพระองค์แรกของโลก โดยสหภาพวิทยาศาสตร์ทางดินนานาชาติ
ทั้งนี้ องค์การสหประชาชาติ (UN) ได้มีมติรับรองให้วันที่ 5 ธันวาคมของทุกปีเป็นวันดินโลก (World Soil Day) เพื่อใช้เป็นโอกาสในการขับเคลื่อนกิจกรรมเผยแพร่ความรู้ทางด้านดิน และสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของดินทั้งในระดับประเทศ และระดับโลก กระทรวงมหาดไทย จึงได้อนุมัติโครงการ การจัดกิจกรรม “วันดินโลก” (World Soil Day) ปี 2564 เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และเพื่อถวายสดุดีพระเกียรติคุณพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงศึกษาค้นคว้าวิธีการจัดการทรัพยากรดินอย่างยั่งยืน นำมาซึ่งความเป็นอยู่ที่ดีของเกษตรกรและประชาชน
ด้านนายอรรถวุฒิ กรุงแสนเมือง ผู้อำนวยการสถานีพัฒนาที่ดิน จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่าการจัดงานวันดินโลก เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการแสดงออกถึงความตระหนักในบทบาทอันสำคัญยิ่งของทรัพยากรดินที่มีต่อสิ่งมีชีวิต และร่วมกันดูแลรักษาเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน เพื่อให้เป็นวาระในการสื่อความสำคัญของทรัพยากรดินให้เป็นที่รับทราบในวงกว้าง โดยงานวันดินโลกปี 2564 กำหนดหัวข้อหลัก พิชิตดินเค็ม เติมเต็มผลผลิต สร้างชีวิตเกษตรกร เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับดิน และการจัดการกับความเค็มของดิน ผลกระทบของดินเค็มที่มีต่อผลผลิตทางการเกษตร วิธีการจัดการดินเค็มอย่างครบวงจร มุ่งมั่นที่จะปรับปรุงดินเค็มในเชิงรุก ป้องกันและแก้ไขปัญหาของดินที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและความปลอดภัยทางด้านอาหาร
นายอรรถวุฒิกล่าวอีกว่า งานวันดินโลก 2564 สถานีพัฒนาที่ดินกาฬสินธุ์ ร่วมกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้จัดแสดงนิทรรศการ ตามหัวข้อหลักคือ “พิชิตดินเค็ม เติมเต็มผลผลิต สร้างชีวิตเกษตรกร” เพื่อแสดงทรัพยากรดินของ จ.กาฬสินธุ์ การพัฒนาพื้นที่ดินเค็มแบบบูรณาการโดยประยุกต์ใช้เมืองเพียโมเดล การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีของกรมพัฒนาที่ดินและหน่วยงานภาคีมาใช้ในการจัดการดินเค็ม มีการจัดแสดงนิทรรศการของหน่วยงาน เปิดตัวพืชดาวรุ่งที่เจริญเติบโตได้ในดินเค็ม “รากสามสิบ” ตลาดขายสินค้าผลิตผลของเกษตรกร หมอดิน เครือข่ายของกรมพัฒนาที่ดิน
“ทั้งนี้ มีเป้าหมายร่วมกัน 2 ประการ ประการแรกเพื่อน้อมรำลึกและเทิดพระเกียรติคุณในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงสืบสาน รักษา ต่อยอดพระราชปณิธานแห่งพระบรมราชนกนาถ เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรดิน รวมทั้งการพัฒนาที่ดินอย่างต่อเนื่อง และประการที่ 2 เพื่อร่วมใจกันปกปักรักษาดิน ซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญยิ่งของประเทศ ให้เป็นมรดกของลูกหลาน ภายใต้แนวคิด “ดินดี” คุณภาพชีวิตที่ดี” นายอรรถวุฒิกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน ทั่วโลกมีพื้นที่มากกว่า 5.2 ล้านไร่ ที่ประสบปัญหาดินเค็ม จึงมีความจำเป็นต้องจัดการกับความเค็มของดิน โดยการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับดิน และการจัดการดินเค็มอย่างครบวงจร เพื่อส่งเสริมให้รัฐบาล องค์กร ชุมชน และประชากรโลก มุ่งมั่นที่จะปรับปรุงดินเค็มในเชิงรุก เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการเพาะปลูกพืช และสร้างแหล่งผลิตอาหารให้มากยิ่งขึ้น โดยมุ่งเน้นความสำคัญของการร่วมมือกันป้องกันและแก้ไขปัญหาของดิน ซึ่งจะส่งผลถึงความมั่นคงและความปลอดภัยทางด้านอาหาร เพื่อตอบสนองต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมขององค์กรและบุคคล ในรูปแบบของการร่วมมือและสร้างเครือข่ายผ่านนวัตกรรมที่เกิดขึ้น จากความร่วมมือในการสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรดิน และการรักษาระบบนิเวศให้สมบูรณ์ เพื่อเพิ่มพื้นที่ผลิตอาหาร และช่วยเสริมสร้างความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น