ตำรวกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 (บก.สส.ภ.4) รวบหญิงวัย 21 ปี ชาวจังหวัดขอนแก่น พร้อมยาบ้าร่วมสองแสนเม็ด สารภาพ ร่วมนายทุนชาวลาว กระจายยาบ้าขายในอีสาน มูลค่าเกือบ 10 ล้านบาท ส่วนสามีหลบหนีไปได้ก่อนจับกุม
เมื่อเวลา19.30 น.วันที่ 8 มี.ค.2565 ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 (บก.สส.ภ.4) พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ ยี่สารพัฒน์ ผกก.สืบสวน 2บก.สส ภ.4 พร้อมด้วย พ.ต.ท.จีระวัฒน์ โพธินา รอง ผกก.สืบสวน 2 บก.สส ภ.4 ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม น.ส.ศิริลักษณ์ หรือแป้ง จันทร์ยอย อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 85 ม.9 ต.บ้านใหม่ อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น พร้อมของกลางยาบ้า 198,000เม็ด โทรศัพท์มือถือจำนวน 3 เครื่อง รถยนต์เก๋ง ฮอนด้า ซิตี้ สีเทา ทะเบียน ญธ-9098 กรุงเทพฯ หลังถูก เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน 2 ฯ จับกุมตัวได้ ริม ถนนมะลิวัลย์เส้นทางระหว่าง อ.หนองเรือ ไป อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น
พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ กล่าวว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่าจะมีการส่งมอบยาบ้าลอตใหญ่ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น ชุดจับกุมจึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและร่วมกันวางแผนจับกุมจากนั้นได้ตรวจสอบบริเวณเสาไฟฟ้าบนถนนทางเข้าไร่อ้อย ก็พบกระสอบวางอยู่จำนวน 1 กระสอบ เชื่อว่าเป็นยาบ้า จึงได้วางกำลังซุ่มดูพฤติการณ์โดยรอบ ต่อมามีรถยนต์เก๋ง ฮอนต้า ซิตี้ สีดำ ขับมาที่บริเวณเสาไฟฟ้าและชายคนขับรถก็ลงจากรถพร้อมทั้งพยายามจะยกเอากระสอบดังกล่าวขึ้นรถเก๋ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวเพื่อตรวจค้น ชายคนดังกล่าวได้ทิ้งกระสอบลงและวิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าอ้อย
” ในรถเก๋งจึงเหลือเพียง น.ส.ศิริลักษณ์ นั่งอยู่ที่เบาะหน้าและพยายามจะวิ่งหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงคุมตัวไว้ ส่วนกระสอบที่ทิ้งอยู่ข้างรถนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการแกะกระสอบเพื่อตรวจสอบ พบยาบ้าทั้งหมด 34 ก้อน รวมยาบ้าทั้งสิ้น 198,000 เม็ด มูลค่ารวมเกือบ 10 ล้านบาท ทั้งยังพบโทรศัพท์มือถือ ตกอยู่ในรถจำนวน 3 เครื่อง ,บัตรประชาชนของนายอาร์ม วงษ์จันทร์หล้า อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22 หมู่ 5 ต.หนองดู อ.บ้านแท่น จ.ชัยภูมิ ก่อนจะทำการควบคุมตัว น.ส.ศิริลักษณ์ มาทำการสอบสวน ที่ กก.สืบสวน2 ฯ โดย น.ส.ศิริลักษณ์ ให้การว่าร่วมกับนายอาร์ม เดินทางไปรับเอายาบ้า ในจุดนัดหมาย เพื่อจะนำยาบ้าทั้งหมดนั้นไปกระจายส่งให้แก่ลูกค้าในพื้นที่ใกล้เคียงตามคำสั่งของนายทุนชาว สปป.ลาว ขณะที่จากการตรวจสอบประวัติพบว่านายอาร์ม มีคดีในการผลิตระเบิด ในพื้นที่ บช.ภ.3 มาก่อน”
ผกก.สืบสวน 2ฯ กล่าวต่ออีกว่า น.ส.ศิริลักษณ์ ให้การอีกว่า ในวันเกิดเหตุนายอาร์ม ได้ชวนมาเป็นเพื่อน เพื่อมารับเอายาบ้าที่นายทุนชาวลาวต้องการกระจายสินค้าส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ขอนแก่น และพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งก่อนเดินทางมารับยาบ้านั้นได้ร่วมกันเสพยาบ้าที่บ้านจากนั้นก็เดินทางมายังจุดนัดรับยาบ้า จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม อย่างไรก็ตามภายหลังการสอบปากคำแล้วเสร็จจึงได้ นำตัว น.ส.ศิริลักษณ์ ไปตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดในร่างกายที่ รพ.ขอนแก่น ซึ่งปรากฎว่าเป็นบวก จึงได้แจ้งข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเกท 1(ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย และข้อหา จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า)
อย่างไรก็ตามสำหรับ ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ 1 คน และสามีที่หลบหนีไปนั้น ถือเป็นผู้ต้องหารายสำคัญ ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ส่วนยาเสพติดนั้น จากการตรวจสอบพบว่ามีอักษร Y-1 อยู่ที่ห่อยาบ้า ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของยาบ้าที่มาจากกลุ่มว้าเหนือ ที่ร่วมกับนายทุนชาวลาว ขนข้ามแม่น้ำโขงมาขายในพื้นที่ภาคอีสานของประเทศไทย และยาบ้าจำนวนดังกล่าวจะมีราคาขายที่ไม่เท่ากัน ซึ่งหากมีการขนและขายได้รอดจะอยู่ที่ราคาเกือบสิบล้านบาท ซึ่งหลังจากจับกุมผู้ต้องหารายนี้ได้แล้วก็จะนำส่งตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางให้พนักงานสอบสวนสภ.ชุมแพ ดำเนินคดีตามกฎหมายและจะมีการขอศาลออกหมายจับ นายอาร์มมาดำเนินคดีในข้อหาเดียวกัน รวมถึงการดำเนินการในการยึดทรัพย์ และขยายผลไปยังกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป